เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2563 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) บริษัทในเครือมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นและหนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงิน
ชั้นนำของโลก ใช้ศักยภาพเชิงรุกปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 ให้สอดรับกับสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยมุ่งเน้นมาตรการช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง รักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง และควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ย้ำเป้าหมายการเป็นสถาบันการเงินที่ทรงพลังในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Financial Powerhouse) พร้อมเตรียมแผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ปี 2564-2566 (Medium Term Business Plan 2021-2023) สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักการดำเนินธุรกิจโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง สร้างประสบการณ์เหนือระดับและความผูกพันผ่านแผนธุรกิจที่ตอบรับเมกะเทรนด์และวิถีชีวิตผู้บริโภคในยุคนิวนอร์มอล
นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “สำหรับปี 2563 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของแผนธุรกิจระยะกลางฉบับปัจจุบันที่ครอบคลุมการดำเนินงานปี 2561-2563 นั้น กรุงศรีได้ก้าวสู่การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงธุรกิจการเงินในยุคดิจิทัลด้วยการผลักดันแผนเชิงยุทธศาสตร์ 4 ด้านคือ การเสริมสร้างประสบการณ์ลูกค้าผ่านกระบวนการพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Customer Experience Enhancement) การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยศักยภาพด้านข้อมูล (Data-Driven Capabilities) กลยุทธ์ความร่วมมือกับพันธมิตร (Partnership Strategy) และการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ (Overseas Business Expansion) ซึ่ง
กรุงศรีสามารถดำเนินตามแผนเชิงยุทธศาสตร์สู่เป้าหมายที่วางไว้ได้เป็นอย่างดี เห็นได้จากความสำเร็จของการเปิดตัว ‘Kept’ นวัตกรรมบริหารเงินบนช่องทางออนไลน์ที่ได้รับการตอบรับอย่างสูงจากกลุ่มเป้าหมาย การพัฒนา ‘Krungsri Biz Online Mobile App’ แอปพลิเคชันสำหรับธุรกิจ SME ที่ช่วยจัดการธุรกรรมการเงินให้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น บริการกรุงศรี ออโต้ โบรกเกอร์ ที่เลือกสรรประกันภัยรถยนต์ให้กับลูกค้าด้วยระบบวิเคราะห์ข้อมูลตามความต้องการ การพัฒนาระบบการอนุมัติสินเชื่อโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) การลงทุนและสร้างพันธมิตรทางธุรกิจกับ Grab และความสำเร็จของ Hattha Kaksekar Ltd. บริษัทไมโครไฟแนนซ์เครือกรุงศรีในกัมพูชาในการยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์ Hattha Bank Plc. เป็นต้น”
“อย่างไรก็ตาม จากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกและส่งผลต่อเนื่องถึงปัจจุบันต่อเศรษฐกิจมหภาคและภาคอุตสาหกรรมตลอดจนพฤติกรรมผู้บริโภคในทุกเซ็กเมนท์ กรุงศรีจึงได้ดำเนินการเชิงรุกฝ่าวิกฤตโดยปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังที่เน้นย้ำ 3 หลักการดำเนินงานคือ
1. การช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่องทั้งลูกค้าบุคคล ผู้ประกอบการรายย่อยและลูกค้าธุรกิจ ให้สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้
2. การรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง และ
3. การควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ การปรับกลยุทธ์ให้สามารถรับมือกับความท้าทายอย่างทันท่วงทีท่ามกลางวิกฤตแห่งความไม่แน่นอนนี้ ส่งผลให้กรุงศรีสามารถลดผลกระทบด้านการดำเนินงานปฎิบัติการ และสามารถให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างทั่วถึง” นายไพโรจน์กล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ กรุงศรีอยู่ในระหว่างการขออนุมัติแผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ที่จะใช้เป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจในปี 2564-2566 ซึ่งเป็นการต่อยอดความสำเร็จการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา โดยจะใช้ประโยชน์ด้านข้อมูลที่กรุงศรีมีในฐานะผู้นำตลาดการเงินเพื่อรายย่อย (Consumer Finance) และผู้นำตลาดลูกค้าบริษัทญี่ปุ่นในไทย (Japanese Corporate Market) และการใช้ประโยชน์ด้านผลิตภัณฑ์และเครือข่ายระดับโลกของ MUFG การผสานศักยภาพและความแข็งแกร่งอันเป็นเอกลักษณ์ของกรุงศรีโดยคำนึงถึงแนวโน้มแรงขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงระดับโลกหรือเมกะเทรนด์ (Megatrend) และสอดรับกับวิถีการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่หรือนิวนอร์มอล (New Normal) ทำให้กรุงศรีมีตำแหน่งทางการตลาดและความสามารถในการแข่งขันที่โดดเด่นทั้งในเวทีระดับประเทศและในภูมิภาคอาเซียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น