วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2564

CPF ร่วมฟื้นทะเลสะอาด เก็บ-คัดแยก-รีไซเคิล

CPF ร่วมฟื้นทะเลสะอาด เก็บ-คัดแยก-รีไซเคิล เพิ่มมูลค่าขยะจากทะเล          

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เสริมทัพแก้ปัญหาขยะในทะเล ผนึกกำลังภาคีเครือข่ายพันธมิตร เรือประมง และชาวประมง คืนท้องทะเลสะอาด รักษาสมดุลระบบนิเวศ สร้างความมั่นคงทางอาหาร ร่วมปลูกฝังจิตสำนึก เก็บขยะ คัดแยกขยะ จนถึงการแปรรูปขยะรีไซเคิล  เพื่อเพิ่มมูลค่าและนำกลับมาใช้ประโยชน์ สอดรับแนวทาง SDGs มุ่งมั่นอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน

นายไพโรจน์  อภิรักษ์นุสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจสัตว์น้ำครบวงจร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ในฐานะผู้ผลิตอาหารชั้นนำของไทย ซีพีเอฟ ตระหนักดีว่าทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล เป็นต้นทางของวัตถุดิบที่สำคัญในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร บริษัทฯจึงให้ความสำคัญกับการทำประมงอย่างรับผิดชอบผ่านการใช้วัตถุดิบปลาป่นที่ยั่งยืนมาจากผลพลอยได้จากการแปรรูปสัตว์น้ำ การร่วมอนุรักษ์ ปกป้องและฟื้นฟู ผืนป่าชายเลน สนับสนุนการบริหารจัดการขยะในทะเลที่มีประสิทธิภาพตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)  และที่ผ่านมา ยังได้ร่วมสนับสนุนโครงการทะเลสะอาด (Catch the Trash Project) นำโดยกรมประมงและสมาคมประมงแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นโครงการที่ส่งเสริมและรณรงค์ให้ชาวประมงลดการทิ้งขยะลงสู่ทะเล เก็บขยะจากกิจกรรมประมง ทั้งขยะจากการบริโภคบนเรือ และขยะที่ติดมากับเครื่องมือประมงกลับขึ้นฝั่ง โดยขยะที่รีไซเคิลได้ จะถูกคัดแยกและส่งขายให้กับโรงรับซื้อขยะต่อไป    

   

ซีพีเอฟ ต่อยอดโครงการทะเลสะอาด โดยมีแนวคิดขยายผลการดำเนินงานให้ครอบคลุมตั้งแต่การเก็บขยะ การคัดแยก การจัดการ จนถึงการนำขยะมารีไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์ Upcycling เพื่อสร้างมูลค่า โดยเดินหน้าโครงการนำร่อง (Pilot  Project) ประสานความร่วมมือกับโรงงานปลาป่นเจดีพี ในจังหวัดตรังและชาวประมงเก็บขยะจากทะเลคืนฝั่ง  จากการรวบรวมขยะจากเรือประมงที่มาขึ้นท่าพบว่ามีขยะที่รีไซเคิลได้ อาทิ ขวดพลาสติก PET ขยะประเภทขวดแก้ว  เศษแห เศษอวน  ที่สามารถเพิ่มมูลค่าขยะเหล่านี้ให้กลับมาใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งบริษัทฯ สนใจทดลองนำขยะพลาสติกขวด PET ที่เก็บจากทะเล นำมาแปรรูปเป็นเส้นใยพลาสติก ผลิตเป็นเสื้อโปโล รีไซเคิล ซึ่งขณะนี้การผลิตล็อตแรก 500 ตัวจะเตรียมแจกให้พนักงานซีพีเอฟล็อตแรกเดือนกรกฏาคมนี้          

    

"ซีพีเอฟนำขยะที่ชาวประมงเก็บกลับขึ้นฝั่งมารีไซเคิลและนำกลับมาใช้ประโยชน์อีก เป็นโครงการที่ดำเนินการตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ปัญหาปริมาณขยะในทะเล ร่วมรักษาสมดุลระบบนิเวศทางทะเล สนับสนุนภารกิจของซีพีเอฟในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDGs) ทั้งในเรื่องของอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ทะเล และทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และบรรลุเป้าหมายการสร้างความมั่นคงทางอาหาร " นายไพโรจน์ กล่าว  

นายไพโรจน์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ซีพีเอฟมุ่งมั่นมีส่วนร่วมในการจัดการด้านทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรตลอดกระบวนการผลิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการพัฒนาโมเดลการเลี้ยงกุ้งระบบรีไซเคิลน้ำเพื่อหมุนเวียนใช้ในฟาร์มโดยไม่มีการปล่อยน้ำจากฟาร์มสู่สิ่งแวดล้อม(Zero Discharge) 

ลดปริมาณการดึงน้ำจากแหล่งน้ำภายนอกมาใช้ในกระบวนการผลิตและลดการปล่อยน้ำเสีย นอกจากนี้ ซีพีเอฟยังได้ดำเนินโครงการร่วมอนุรักษ์ ปกป้อง และฟื้นฟูผืนป่าชายเลนของประเทศ ดำเนินโครงการ "ซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน" โดยผลดำเนินงานระยะที่หนึ่ง (ปี 2557-2561) สามารถอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนในพื้นที่ยุทธศาสตร์ 5 จังหวัดได้รวม 2,388 ไร่ ในพื้นที่ จ.ระยอง สมุทรสาคร ชุมพร สงขลา และพังงา และอยู่ระหว่างดำเนินงานอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน เข้าสู่ระยะที่ 2 มีเป้าหมายอนุรักษ์ ฟื้นฟู และปลูกป่าใหม่ในพื้นที่จ.สมุทรสาคร ระยอง และตราด เพื่อร่วมคืนสมดุลระบบนิเวศอย่างยั่งยืน

ซีพีเอฟ ส่งอาหารจากใจ มอบไข่ไก่ 2 แสนฟอง หนุน ก.แรงงาน ช่วยแคมป์คนงาน ทั่ว กทม.

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รับมอบไข่ไก่สด จำนวน 200,000 ฟอง จาก นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ภายใต้โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแรงงานในแคมป์ก่อสร้าง ผ่านสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมี นางสาวอำพันธ์ ธุววิทย์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน และนางสาวพิมลรัตน์ รีพัฒนาวิจิตรกุล ประธานผู้บริหาร ทรัพยากรบุคคล ซีพีเอฟ ร่วมด้วย ณ กระทรวงแรงงาน 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลมีมติให้ปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง ทั่ว กทม. กว่า 500 แห่ง ซึ่งมีแรงงานอยู่ประมาณ 80,000 คน สิ่งหนึ่งที่ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความเป็นห่วงและให้ความสำคัญกับพี่น้องผู้ใช้แรงงาน คือ อาหารการกิน จึงกำชับกระทรวงฯ ให้ประสานผู้ประกอบการที่มีกำลัง อาทิ เครือซีพี-ซีพีเอฟ ซึ่งให้ความช่วยเหลือภาครัฐมาโดยตลอด ทั้งนี้ อยากให้กำลังใจผู้ใช้แรงงานทุกคน ทั้งคนไทยและต่างชาติ เราทำทุกอย่างตามแนวทางผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อ พร้อมให้คำมั่นว่า ปิดแล้วต้องจบ ซึ่งทุกท่านได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี 

“กระทรวงฯ ขอขอบคุณซีพีเอฟเป็นอย่างมาก ที่ช่วยเหลือทุกครั้ง ตั้งแต่การมอบอาหารให้บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการฉีดวัคซีนแก่ผู้ประกันตน ม.33 ในศูนย์ฉีดวัคซีน ทั่ว กทม. และยังนำไข่ไก่มามอบ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นขวัญกำลังใจแก่พี่น้องผู้ใช้แรงงานอีกครั้ง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดสรรอย่างเหมาะสม สู่แคมป์คนงานโดยตรง" 

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีและซีพีเอฟ ทราบว่า กระทรวงฯ ได้เข้าไปช่วยเหลือและดูแลทุกภาคส่วน ทั้งผู้ประกอบการ ครอบคลุมถึงแรงงานต่างชาติตามมาตรการล็อกดาวน์พื้นที่แคมป์ก่อสร้าง เนื่องจากเป็นจุดที่มีความเสี่ยง บริษัทฯ ต้องขอบคุณผู้บริหารแคมป์ก่อสร้างที่ยินดีร่วมมือกับรัฐบาลในการช่วยกันดูแลสังคมและประเทศไทยเพื่อลดการเพร่กระจายโรค 

“บริษัทฯ ยินดีเป็นอย่างยิ่งและพร้อมเคียงข้างสังคม โดยนำไข่ไก่สด จำนวน 200,000 ฟอง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางอาหารสูง สะดวก และสามารถทานได้ทุกคน มามอบผ่านทางกระทรวงฯ เพื่อแจกจ่ายให้กับแรงงานต่อไป หวังว่ากิจกรรมของเราในครั้งนี้ จะช่วยแบ่งเบาสถานการณ์วิกฤตนี้ไปได้โดยเร็ว” 

ซีพีเอฟ ดำเนินโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ตามนโยบายของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ภายใต้โครงการ “ซีพีร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19” นับจากวันแรก...ถึงวันนี้ ซีพีเอฟ มอบอาหารพร้อมทานแก่บุคลากรทางการแพทย์และพี่น้องคนไทยแล้วหลายล้านแพ็ค รวมถึงน้ำดื่มและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพหลายล้านขวด ตลอดจนวัตถุดิบอาหารสดและเครื่องปรุงรส สำหรับนำไปปรุงอาหาร แก่โรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนาม กลุ่มเปราะบาง ศูนย์ฉีดวัคซีน และหน่วยงานต่างๆ กว่า 500 แห่งทั่วประเทศ เพื่อร่วมเคียงข้างคนไทยก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2564

"สุขใจผู้ให้...อิ่มใจผู้รับ" ซีพี-ซีพีเอฟ ส่งอาหารจากใจให้ผู้ฉีดวัคซีน ร่วมสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ สู้โควิด

หลังจากรัฐบาลกำหนดให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงคมนาคม จับมือตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน โดยตั้งเป้าการให้บริการจำนวน 15,000-20,000 คนต่อวัน ขณะที่ ภาคเอกชนพร้อมใจสนับสนุนอาหารและสิ่งของจำเป็นช่วยชาติสู้โควิด อย่าง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ที่เดินหน้ามอบอาหารปลอดภัยแก่บุคลากรทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง ในโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” นับตั้งแต่เปิดศูนย์ฉีดวัคซีนฯ พร้อมทั้งผนึกกำลังกับ ซีพี เมจิ และ ซีพี อินเตอร์เทรด มอบอาหาร นม เครื่องดื่ม และขนม ให้แก่ประชาชนที่รับการฉีดวัคซีน เพื่อแทนคำขอบคุณในความร่วมแรงร่วมใจสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ประเทศไทย  

จากวันแรก...จนถึงวันนี้ มีเสียงสะท้อนจากผู้รับถึงผู้ให้ ที่บริษัทฯ แบ่งปันความอิ่มอร่อยในครั้งนี้มากมาย เช่น นายพิชัยภัทร์ มหาวีระพงศา กล่าวว่า ในทุกๆ สถานการณ์ที่ยากของคนไทย ผมเห็นซีพีเอฟเสมอ ที่จะมาเป็นกลุ่มแรกๆ ขอบคุณซีพีเอฟที่อยู่เคียงข้างคนไทยมาโดยตลอด 

นางสาวรัตนากร ยะกุล เล่าว่า รู้สึกดีที่เห็นหลายๆ หน่วยงานนำสิ่งของมาแจกแก่ประชาชน และขอบคุณซีพีเอฟ ที่นำอาหารคุณภาพ รสชาติอร่อย มาแบ่งปันให้ผู้ที่มาฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง ขณะที่ นายกฤษดา ราชกิจ กล่าวเช่นกันว่า ขอบคุณซีพีเอฟที่มอบอาหารและทำสิ่งดีๆ ให้กับสังคมไทยเสมอมา 


นอกจากนี้ สื่อออนไลน์ต่างๆ ยังมีการแชร์ภาพและแคปชั่นผ่าน แฮชแท็ก #cpfส่งอาหารจากใจร่วมต้านภัยโควิด-19 และ #cpโบโลน่าแบ่งปันด้วยใจ เช่น ผู้ใช้เฟสบุ๊ก Boat Kayaphorn ระบุว่า “มาฉีดวัคซีนละได้ meatzero กลับบ้านด้วย ชอบสายนี้พอดี 5555” หรือ ผู้ใช้เฟสบุ๊ก Rattanaporn Matonde ระบุว่า  “วัคซีนวันนี้ได้ไข่กลับไปกินจ้า” และผู้ใช้เฟสบุ๊ก Sarawut Jack Goonnawong เขียนแคปชั่นว่า “มีของให้ทานด้วยนะน้องนาย...เอามาให้ด้วย”  


ด้าน ผู้ใช้บัญชีอินสตาแกรม tanawatkajorn ระบุว่า “เบื้องหลังของแจกในงาน ถ้ารับจริงๆ ได้เยอะกว่านี้อีกครับ #อยากให้มา แบ่งแฮม 2 ถุง ให้ Security. เรากินน้ำมะพร้าว”  

เหล่านี้คือเสียงสะท้อนส่วนหนึ่งจากประชาชนถึงผู้ให้ ซึ่งเป็นพลังผลักดันให้เครือซีพีและซีพีเอฟ เดินหน้านำความเชี่ยวชาญด้านอาหาร ให้ประชาชนเข้าถึงอาหารคุณภาพปลอดภัย เสริมพลังกายพลังใจ สู้ภัยโควิดไปด้วยกัน ซึ่งการช่วยเหลือประเทศชาติและประชาชนให้มีความเข้มแข็ง ก็จะทำให้บริษัทฯ เข้มแข็งเช่นกัน 

นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ยังร่วมสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ประเทศ จัด “ตู้ CP ปันอิ่ม ปันสุข” เติมเต็มข้าวสาร อาหารแห้ง ให้ประชาชนผู้มารับวัคซีนได้เลือกหยิบนำกลับไปบริโภคในครอบครัว ในศูนย์ฉีดวัคซีน 10 แห่งทั่ว กทม. ด้วย อาทิ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ห้างโลตัส ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาพระราม 4 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นต้น 

ซีพีเอฟ ดำเนินโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ตามนโยบายของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ภายใต้แนวคิด “ซีพีร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19”  นับจากวันแรก...ถึงวันนี้ ซีพีเอฟ มอบอาหารพร้อมรับประทานแก่บุคลากรทางการแพทย์และพี่น้องคนไทยแล้วหลายล้านแพ็ค รวมถึงน้ำดื่มและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพหลายล้านขวด ตลอดจนวัตถุดิบอาหารสดและเครื่องปรุงรสสำหรับนำไปปรุงอาหาร แก่โรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนาม กลุ่มเปราะบาง ศูนย์ฉีดวัคซีน และหน่วยงานต่างๆ กว่า 500 แห่งทั่วประเทศ เพื่อร่วมเคียงข้างคนไทยก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน

เมืองเศรษฐกิจพอเพียง จัดพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและอดีตพระมหากษัตริย์

 

พร้อมเดินหน้าถวายแผ่นหินอ่อนแกรนิตสลักพระคาถาฯ และมอบเงินกับหน้ากากอนามัยให้ชาวบ้าน

บริษัท เมืองเศรษฐกิจพอเพียง จำกัด จัดพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อรำลึกถึงพระองค์ท่านที่ทรงกอบกู้กรุงศรีอยุธยา และประกาศอิสรภาพของสยามประเทศพร้อมถวายแผ่นดินให้เป็นพุทธบูชา รวมถึงดวงพระวิญญาณอดีตพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ และถวายแผ่นหินอ่อนแกรนิตสลักพระคาถาฯ ให้กับอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช พร้อมมอบเงินและหน้ากากอนามัยชาวธนบุรีและชาวนครปฐม

วันที่ 24 มิถุนยายน 2564 นาวาอากาศเอก (พิเศษ) คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ ประธานคณะปวงชนชาวไทยเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองเศรษฐกิจพอเพียง จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง ประกอบด้วย พลอากาศเอก ธีร์ศิลป์ คัมภีรญาณนนท์ บิดาผู้ก่อตั้งบริษัทฯ , คุณศักย์ศรณ์ คัมภีรญาณนนท์ รองประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าบริหารฝ่ายปฏิบัติ , คุณธริชยา คัมภีรญาณนนท์  รองประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าบริหารฝ่ายการเงิน ที่ปรึกษาอาวุโสของบริษัทฯ ได้แก่ คุณบรรพต โพธิ์ทอง, ดร.เจริญสุข ด้วงล้อมจันทร์ (โพธิ์เงิน), คุณสุริยา โพธิ์เงิน และ คุณศศน์นัธ เทพกิจ  

รวมทั้ง คุณสุดารัตน์ ขำสกุล หัวหน้าฝ่ายเลขานุการประธานกรรมการบริหาร , เจ้าภูวเนศวร์ ณ เชียงใหม่ และ เจ้าภัทรวรินทร์ ณ เชียงใหม่ เลขานุการประธานกรรมการบริหาร ร่วมงานครั้งนี้ด้วย ได้ร่วมพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และถวายแผ่นหินอ่อนแกรนิตสลักพระคาถาฯ ให้กับอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช ณ อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ เขตธนบุรี จังหวัดกรุงเทพมหานคร พระตำหนักแดง วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารและวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม

นาวาอากาศเอก(พิเศษ)คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเมืองเศรษฐกิจพอเพียง จำกัด และประธานคณะปวงชนชาวไทยเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ประธานในพิธี เปิดเผยว่า ช่วงเช้าได้มีการไปถวายพานพุ่มพร้อมเครื่องบวงสรวงเพื่อบวงสรวงดวงพระวิญญาณ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ผู้ทรงกอบกู้กรุงศรีอยุธยา และประกาศอิสรภาพ ของสยามประเทศพร้อมถวายแผ่นดินให้เป็นพุทธบูชา  นอกจากนี้ยังนำแผ่นหินอ่อนแกรนิตสลักพระคาถาสักการะบูชาพระเจ้าตากสินมหาราชมาถวายที่อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ เขตธนบุรี และพระตำหนักแดง วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารเพื่อให้ประชาชนที่มากราบสักการะบูชาได้ใช้สวดต่อไป โดยมีตั้งใจจะนำถวายแผ่นหินอ่อนแกรนิตสลักพระคาถาฯ ให้กับอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราชทั่วประเทศ


นาวาอากาศเอก(พิเศษ)คัมภีร์ ได้กล่าวถึงกิจกรรมในช่วงเย็นที่วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม ว่า ช่วงเย็นมีกิจกรรมพิธีบวงสรวงใหญ่ โดยมีหลวงพี่น้ำฝนเป็นประธานฝ่ายสงฆ์และมีตนเป็นประธานฝ่ายฆราวาส ซึ่งพิธีนี้จัดขึ้นเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รวมถึงพระวิญญาณอดีตพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ และในวันที่ 24 มิถุนายน ของทุกปีเป็นวันสำคัญสำหรับการสร้างประชาธิปไตยในประเทศไทย เพราะเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย โดยให้พระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญอีกด้วย

 ท้ายสุดนี้ นาวาอากาศเอก(พิเศษ)คัมภีร์ ได้กล่าวฝากถึงคนไทยว่า อยากให้คนไทยทุกคนรู้รักสามัคคีกันไว้ อยากให้ทุกคนมีความภาคภูมิใจที่แผ่นดินไทยเป็นแผ่นดินของพระพุทธศาสนา ใช้โอกาสนี้มาทำบุญให้เต็มที่ และอยากให้เด็กๆ เป็นคนดี มีคุณธรรมจริยธรรม และตั้งใจเรียนเพื่ออนาคตของชาติ




ภายในงานมีเน็ตไอดอลชื่อดัง Gibbi และKiikimmm ให้เกียรติรวมงานพิธีนี้ด้วย และนอกจากนี้ยังมีการมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนจำนวน 5 ทุนๆ ละ 1,000 บาทพร้อมกับหน้ากากอนามัยจำนวน 10 ชิ้น ได้แก่ด.ช.ธนกร จิตรอักษร,ด.ช.ชิษณุพงศ์ แผ้วเกษม, ด.ญ.อิงอร แสงขำ, ด.ช.ณัฏฐกิตติ์ แตงสารท และด.ญ.ภัทราพร บุตรชุนช่วงเย็น, มอบเงินจำนวน 5,000 บาทพร้อมกับหน้ากากอนามัยจำนวน 300 ชิ้นให้กับมูลนิธิหลวงพ่อพูลคนพิการ มอบเงินจำนวน 5,000 บาท พร้อมกับหน้ากากอนามัยจำนวน 300 ชิ้นให้กับกองทุนผู้สูงอายุ วัดไผ่ล้อม และมอบเงินจำนวน 30,000 บาทพร้อมหน้ากากอนามัยจำนวน 2,500ชิ้นให้กับกองทุนสวด เผา ฟรี วัดไผ่ล้อม มอบหน้ากากอนามัยจำนวน 2,500 ชิ้นให้กับตัวแทนจากสำนักเขตธนบุรี และตัวแทนจากชุมชนได้แก่คุณศิวรินทร์ จำปานันท์ ชุมชมมัสยิดบ้านสมเด็จ และคุณมณีรัตน์ ขจรกาณจนรัตษ์ชุมชมสี่แยกบ้านแขก เป็นผู้รับมอบพร้อมกับพนักงานในโครงการ SKYMED NEW GEN ได้เดินแจกหน้ากากอนามัยให้กับประชาชนบริเวณรอบอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และมอบหน้ากากอนามัยจำนวน 600 ชิ้นให้กับชาวบ้าน 5 ชุมชน โดยมีตัวแทนแต่ละชุมชนเป็นผู้รับมอบ ได้แก่ คุณสมชาย เจริญสุข ประธานชุมชนบ้านมอญ, คุณอมรรัตน์ แซ่ลิ้ม ประธานชุมชนสวนอนันต์, คุณรัตนา ศรีจันทร์ อสม.กรรมการชุมชนไผ่เตย, คุณสุรีย์ เก่งชูวงศ์ อสม.กรรมการชุมชนคตกฤช และคุณสมศรี แซ่ลิ้ม อสม.กรรมการชุมชนมะขามแถว

#หลวงพ่อพูล #หลวงพี่น้ำฝน #วัดไผ่ล้อมนครปฐม #บวงสรวง #พระเจ้าตาก #สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช #SKYMED #เมืองเศรษฐกิจพอเพียง #คณะปวงชนชาวไทย #SKYNEWGEN #SKYTIME

วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ซีพีเอฟ จับมือ พันธมิตร "ส่งอาหารจากใจ" ช่วย 14 ชุมชน เขตห้วยขวาง กทม. สู้โควิด

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เดินหน้าโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” มอบไข่ไก่สด จำนวน 13,800 ฟอง แก่ นายอนุชิต พิพิทธกุล ผู้อำนวยการเขตห้วยขวาง และผู้แทนชุมชน เพื่อส่งต่อประชาชนในเขตห้วยขวาง จำนวน 14 ชุมชน 230 ครัวเรือน โดยมี นางพรรณินี นันทพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ซีพีเอฟ ผู้แทนบริษัทฯ และ นายผาติยุทธ ใจสว่าง รักษาการ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานผลิตภัณฑ์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ร่วมส่งมอบ ณ สำนักงานเขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 

นายอนุชิต พิพิทธกุล ผู้อำนวยการเขตห้วยขวาง กล่าวว่า ในพื้นที่เขตห้วยขวางมีแคมป์คนงาน 25 แห่ง ประกอบด้วยชาวไทยและต่างชาติ ทางสำนักงานเขตได้ลงพื้นที่ให้คำแนะนำ ประสานงาน และให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด รวมถึงประชาชนในชุมชนต่างๆ ที่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปพื้นที่เสี่ยงของการแพร่ระบาดก่อนหน้านี้ ซึ่งอาจส่งกระทบในครอบครัวและชุมชน  

“วันนี้ต้องขอบคุณซีพีและซีพีเอฟ ที่ให้ความช่วยเหลือและห่วงใยผ่านสำนักงานเขตห้วยขวาง เพื่อนำเครื่องอุปโภคและบริโภคไปแจกจ่ายแก่พี่น้องในชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด ทั้งผู้ติดเชื้อ หรืออยู่ระหว่างการกักตัว คนว่างงาน เป็นต้น เราจะนำสิ่งของเหล่านี้ส่งต่ออย่างทั่วถึงและเร็วที่สุด โดยผู้แทนชุมชนและเครือข่ายต่างๆ ตามเจตนารมณ์ของภาคเอกชน” นายอนุชิต กล่าว 

นายผาติยุทธ ใจสว่าง รักษาการ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานผลิตภัณฑ์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด เราได้ประสานกับทางสำนักงานเขต เพื่อช่วยเยียวยาประชาชนในพื้นที่ โดยมีพันธมิตรอย่าง ซีพีเอฟ ที่ร่วมสนับสนุนไข่ไก่ ซึ่งเป็นอาหารที่เข้าถึงทุกครัวเรือนและมีคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในวิกฤตเช่นนี้ 

ด้าน นางสาวมลาภรณ์ ช้างมรกต ผู้แทนชุมชน กล่าวว่า ในส่วนของอาสาสมัครศูนย์เด็กเล็ก ซึ่งรับหน้าที่ทำอาหารให้เด็กทานทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เห็นถึงความลำบากของผู้ปกครอง การที่มีผู้สนับสนุนอย่าง ซีพีเอฟ นำอาหารมามอบให้ รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เพราะเด็กๆ จะได้มีอาหารหลากหลายและได้รับสารอาหารเพิ่มขึ้น 

ขณะที่ นางเบญญาพัฒน์ เพียรพิทักษ์ ผู้แทนชุมชน กล่าวว่า ตั้งแต่มีการระบาดโควิด ก็ทราบว่าหลายครอบครัวในชุมชนได้รับความเดือดร้อน วันนี้มีเอกชนอย่าง ซีพีเอฟ นำอาหารและสิ่งของจำเป็นมามอบให้ ถือเป็นสิ่งที่ดีสามารถต่อลมหายใจหลายชีวิตในครัวเรือนได้ ในฐานะตัวแทนของชุมชนขอขอบคุณที่มาช่วยเหลือพวกเราเป็นอย่างดี 

ซีพีเอฟ ดำเนินโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ตามนโยบายของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ภายใต้โครงการ “ซีพีร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19” นับจากวันแรก...ถึงวันนี้ ซีพีเอฟ มอบอาหารพร้อมทานแก่บุคลากรทางการแพทย์และพี่น้องคนไทยแล้วหลายล้านแพ็ค รวมถึงน้ำดื่มและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพหลายล้านขวด ตลอดจนวัตถุดิบอาหารสดและเครื่องปรุงรส สำหรับนำไปปรุงอาหาร แก่โรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนาม กลุ่มเปราะบาง ศูนย์ฉีดวัคซีน และหน่วยงานต่างๆ กว่า 500 แห่งทั่วประเทศ เพื่อร่วมเคียงข้างคนไทยก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน

CPF หนุนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ จัด “ตู้ปันอิ่ม ปันสุข” มอบอาหารแห้งแก่ประชาชนผู้ฉีดวัคซีน 10 จุดทั่วกรุง

   

(24 มิถุนายน 2564) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าร่วมสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ประเทศอีกครั้ง ด้วยโครงการ “ตู้ CP ปันอิ่ม ปันสุข” เติมเต็มข้าวสาร อาหารแห้ง ให้ประชาชนผู้มารับวัคซีนได้เลือกหยิบนำกลับไปบริโภคในครอบครัว ช่วยเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวไทยเร่งเข้ารับวัคซีน เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ และก้าวผ่านสถานการณ์โควิด-19 ไปได้ด้วยกัน 

นางสาวอนรรฆวี ชูรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านการตลาด ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าเคียงข้างคนไทยต้านภัยโควิด-19 โดยดำเนินโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” ส่งอาหารให้บุคลากรทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ประเทศไทยเร่งฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซีพีเอฟจึงจัด “ตู้ CP ปันอิ่ม ปันสุข” เติมเสบียงข้าวสารและอาหารแห้ง สำหรับให้ประชาชนที่ได้รับวัคซีนแล้ว เลือกหยิบกลับไปใช้บริโภคในครอบครัว 

“ตู้ CP ปันอิ่ม ปันสุข จะมีอาหารแห้ง เตรียมไว้เป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนที่เข้ารับวัคซีนป้องกันโควิด ในพื้นที่ฉีดวัคซีนต่างๆ 10 แห่ง แทนคำขอบคุณที่เราจะร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันหมู่และก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน” นางสาวอนรรฆวีกล่าว 

ตู้ CP ปันอิ่ม ปันสุข สีสันสดใส โดดเด่น สะดุดตา มีความสูงราว 2.20 เมตร ตั้งให้บริการแก่ประชาชนคนไทย ตลอดเดือนกรกฎาคม 2564 ณ ศูนย์ฉีดวัคซีน 10 จุด ได้แก่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ห้างโลตัส ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาพระราม 4 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยรังสิต มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มหาวิทยาลัยมหิดล และ มหาวิทยาลัยศรีปทุม 

นายฐนสรณ์ ใจดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บจก.ทรูดิจิทัล พาร์ค หนึ่งในสถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลของกทม. กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ โดยจัดสถานที่ของทรู ดิจิทัล พาร์ค เพื่อรองรับการฉีดวัคซีนแก่ประชาชน และมีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เป็นผู้ดูแลการฉีดวัคซีน ขณะที่วันนี้มี ซีพีเอฟ เข้ามาสนับสนุน “ตู้ CP ปันอิ่ม ปันสุข” ด้วย นับเป็นความร่วมมือที่ทุกฝ่ายช่วยเหลือกันในการร่วมต้านภัยโควิด-19 อย่างเต็มที่ เชื่อว่าด้วยความร่วมมือนี้ประเทศไทยจะก้าวผ่านไวรัสร้ายนี้ไปได้ในไม่ช้า


ซีพีเอฟ ดำเนินโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ตามนโยบายของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ภายใต้แนวคิด “ซีพีร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19”  นับจากวันแรก...ถึงวันนี้ ซีพีเอฟ มอบอาหารพร้อมรับประทานแก่บุคลากรทางการแพทย์และพี่น้องคนไทยแล้วหลายล้านแพ็ค รวมถึงน้ำดื่มและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพหลายล้านขวด ตลอดจนวัตถุดิบอาหารสดและเครื่องปรุงรสสำหรับนำไปปรุงอาหาร แก่โรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนาม กลุ่มเปราะบาง ศูนย์ฉีดวัคซีน และหน่วยงานต่างๆ กว่า 500 แห่งทั่วประเทศ เพื่อร่วมเคียงข้างคนไทยก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน



วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2564

เกษตรฯ จับมือพาณิชย์เปิดตัวสุดยอดกาแฟไทย ปี 2564 รางวัลถ้วยพระราชทาน

เกษตรฯ จับมือพาณิชย์เปิดตัวสุดยอดกาแฟไทย ปี 2564 รางวัลถ้วยพระราชทาน 

หวังกระตุ้นตลาดกาแฟไทย พร้อมชูเอกลักษณ์ด้านรสชาติที่ได้รับการยอมรับระดับสากล

พร้อมขยายตลาดเข้าสู่กลุ่มผู้บริโภคกาแฟรุ่นใหม่

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ จัดโครงการประชาสัมพันธ์สุดยอดกาแฟไทย ปี 2564 เพื่อคัดสรรสุดยอดกาแฟไทยจากแหล่งปลูกที่เป็น single origin ทั่วประเทศ ทั้งสายพันธุ์อะราบิกาและโรบัสตา เข้ารับรางวัลถ้วยพระราชทาน พร้อมประกาศนียบัตรและเงินรางวัล และนำผลผลิตสุดยอดกาแฟไทยออกประมูลและจัดแสดง เพื่อให้ผู้ประกอบการและผู้สนใจได้มีโอกาสชิมรสชาติสุดยอดกาแฟของไทย

นางสาวมนัญญา  ไทยเศรษฐ์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  เปิดเผยว่า  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ ร่วมกับ กระทรวงพาณิชย์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โดยการสนับสนุนจากองค์การกาแฟระหว่างประเทศ หรือ ICO ได้จัดพิธีมอบรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการประกวดคัดสรรสุดยอดเมล็ดกาแฟไทย ตามโครงการประชาสัมพันธ์สุดยอดกาแฟไทย ปี 2564 หรือ THAI COFFEE EXCELLENCE 2021 เพื่อช่วยกระตุ้นตลาดกาแฟ และสร้างการรับรู้สุดยอดกาแฟไทย ที่มีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ของรสชาติ ให้เป็นที่รู้จักในวงที่กว้างขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคกาแฟรุ่นใหม่

ปัจจุบันกาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ในประเทศไทยธุรกิจร้านกาแฟมีการเติบโตและขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเทรนด์หรือแนวโน้มการดื่มกาแฟของคนรุ่นใหม่นั้นจะเริ่มให้ความสนใจกับที่มาหรือเรื่องราวของกาแฟ เอกลักษณ์ของแหล่งปลูก รูปแบบการบริโภค และรสชาติของกาแฟกันมากขึ้น ซึ่งประเทศไทยมีแหล่งปลูกกาแฟที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งสายพันธุ์อะราบิกา และโรบัสตา ที่ได้รับรางวัลการันตี เช่น กาแฟดอยช้าง ได้รับการประกาศรับรองเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ในระดับยุโรป และการรับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับป่าไม้ที่ยั่งยืนในระดับสากล แสดงให้เห็นถึงคุณภาพและอัตลักษณ์ของกาแฟไทย ที่มีศักยภาพจะทำตลาดในระดับสากลได้เป็นอย่างดี และสามารถจะนำมาเป็นจุดขาย เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดและการจำหน่ายผลผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟได้

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ  กล่าวว่า  ปัจจุบันประเทศไทยมีผลผลิตกาแฟเฉลี่ยปีละประมาณ 24,000 ตัน แบ่งเป็นกาแฟอะราบิกา ซึ่งปลูกในพื้นที่ภาคเหนือประมาณ 11,000 ตัน และกาแฟโรบัสตา ซึ่งปลูกในพื้นที่ภาคใต้ ประมาณ 13,000 ตัน อย่างไรก็ตามในช่วงปีที่ผ่านมา ตลาดกาแฟไทยก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดการชะลอตัว และมีผลผลิตตกค้าง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ จัดทำโครงการประชาสัมพันธ์สุดยอดกาแฟไทยปี 2564 เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดกาแฟไทย และสร้างการรับรู้ความเป็นสุดยอดกาแฟของไทยให้เป็นที่รู้จักในวงที่กว้างขึ้น เป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรและผู้ประกอบการธุรกิจกาแฟ อันเนื่องมาจากภาวะตลาดที่ซบเซาได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และสานต่อแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในการส่งเสริมให้เกษตรกรบนพื้นที่สูงปลูกกาแฟเพื่อสร้างรายได้และดูแลผืนป่า  รวมทั้งยังเป็นการพัฒนาองค์ความรู้ เพิ่มทักษะให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจกาแฟ รวมทั้งเกษตรกร ได้พัฒนาคุณภาพ เพื่อเพิ่มมูลค่าของกาแฟไทยด้วย

นายพิเชษฐ์  วิริยะพาหะ  อธิบดีกรมวิชาการเกษตร  กล่าวว่า  การจัดทำโครงการประชาสัมพันธ์สุดยอดกาแฟไทย ปี 2564 ในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟสายพันธุ์อะราบิกาและโรบัสตา ทั่วประเทศ ส่งเมล็ดกาแฟเข้าร่วมประกวดกว่า 100 ราย และมีจำนวนตัวอย่างกาแฟที่ส่งประกวดเกือบ 200 ตัวอย่าง โดยแบ่งการประกวดแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 

ประเภทที่ 1 กาแฟอะราบิกา กระบวนการแปรรูปโดยวิธีแห้ง (dry / natural process) ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ คือ นายฉิ่ง แซ่ท้าว เกษตรกรจากหมู่บ้านมณีพฤกษ์ ตำบลงอบ อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน  

ประเภทที่ 2 กาแฟอะราบิกา กระบวนการแปรรูปโดยวิธีเปียก (wet process) ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ คือ นายชาติชาย คะบู่ เกษตรกรในโครงการหมู่บ้านยามชายแดน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ บ้านดอยผักกูด ตำบลแม่นาเติง อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ประเภทที่ 3 กาแฟอะราบิกา กระบวนการแปรรูปโดยวิธีกึ่งแห้ง (semi-dry / honey process) ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ คือ นางฐิติกัลป์ มันตาวลี เกษตรกรจากหมู่บ้านดอยช้าง ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย

ประเภทที่ 4 กาแฟโรบัสตา ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ คือ นายธนาสิทธิ์ สอนสุภา เกษตรกรจากหมู่บ้านนาตีนเขา ตำบลหินแก้ว อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร

ทั้งนี้ โครงการประชาสัมพันธ์สุดยอดกาแฟไทย ปี 2564 หรือ Thai Coffee Excellence 2021 นอกจากจะเป็นกิจกรรมที่จะช่วยสร้างการรับรู้ ชูจุดขาย ในการเป็นสุดยอดกาแฟของไทย ให้เป็นที่ยอมรับและรู้จักของผู้บริโภคกาแฟในวงที่กว้างขึ้นแล้ว ยังมีส่วนในการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมและกระตุ้นตลาดกาแฟไทย ให้กลับมาคึกคัก ซึ่งหลังจากพิธีมอบรางวัลในวันที่ 22 มิถุนายนนี้แล้ว ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 จะมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่สำคัญ คือ การประมูลสุดยอดกาแฟไทย โดยนำเมล็ดกาแฟที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากประกวดออกประมูล ณ กระทรวงพาณิชย์ จึงขอเชิญผู้ประกอบการและผู้สนใจ เข้าร่วมกิจกรรมการประมูล เพื่อจะได้ร่วมชิมรสชาติของสุดยอดกาแฟไทย ที่มีทั้งเอกลักษณ์ด้านรสชาติ สายพันธุ์ และมีความโดดเด่นของแหล่งผลิต จนกลายเป็นอัตลักษณ์ที่สำคัญที่ช่วยสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับสุดยอดกาแฟไทยได้ก้าวสู่การเป็นสุดยอดกาแฟโลกต่อไป



รักปลาคาร์พ ห้ามพลาด! ไทยเจ้าภาพงานใหญ่สุดในเอเชีย คาดตลาดปลากลับมาคึกคักพร้อมเงินสะพัด

   กรมประมง รวมพลังสมาคมผู้เลี้ยงปลาคาร์พทีเคเคจี จัดงานเอเชีย คัพ โค่ย โชว์ ครั้งที่ 14 (14th Asia Cup Koi Show) งานประกวดปลาคาร์พระดับเอเช...