วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

เที่ยว ชิม ช๊อป ในงาน “Green Local Market ตลาดสินค้าเกษตรดี วิถีชุมชน” ณ ศูนย์การค้าเจเจมอลล์ กรุงเทพฯ



กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 ประกอบด้วย จังหวัดอุทัยธานี, พิจิตร, กำแพงเพชร, นครสวรรค์ โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุทัยธานี จัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าเกษตร เกษตรปลอดภัย สินค้า GCG และสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) และการเจรจาจับคู่ธุรกิจการค้า (Business Matching) ในรูปแบบ Online และ Offline ภายใต้ชื่องาน “Green Local Market ตลาดสินค้าเกษตรดี วิถีชุมชน



นายศรณ์จักร์ชัย ชูวาพิทักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ประธานในพิธีเปิดงานกล่าวว่า กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 ได้ให้ความสำคัญต่อนโยบายของรัฐบาลในการสร้างความเข้มแข็งของผู้ประกอบการตั้งแต่ระดับฐานราก และส่งเสริมการตลาดสินค้าเกษตรเกษตรปลอดภัย เกษตรแปรรูป สินค้า BCG และสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เชื่อมโยงการตลาดให้ชุมชนมีแหล่งจำหน่ายสินค้า และขยายช่องทางการตลาด ให้ผู้ผลิตผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้น และเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคได้รับรู้ว่า กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย เกษตรแปรรูป สินค้า BCG และสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จากการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร ผู้ผลิต ผู้ประกอบการให้มีความเข้มแข็ง มีมาตรฐานในการผลิตและจำหน่ายสินค้า

งานในวันนี้ ถือเป็นการร่วมบูรณาการทั้งภาคเอกชนและภาคราชการ ที่ให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการผลิตสินค้าและผู้บริโภค มีสินค้ามาจำหน่ายรวมจำนวน 80 ร้านค้า ล้วนแล้วแต่เป็นสินค้าที่ได้รับคุณภาพมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค จึงเป็นโอกาสอันดีของพี่น้องประชาชนกรุงเทพมหานคร และพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง จะได้เลือกซื้อสินค้าที่ดีมีคุณภาพจากเกษตรกรผู้ผลิต และผู้ประกอบการโดยตรง



นาง ศรนภา ศรีประทุม พาณิชย์จังหวัดอุทัยธานี ในนามของผู้ดำเนินการจัดงานกล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ เป็นการดำเนินงานภายใต้โครงการส่งเสริมการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรตามแผนปฏิบัติราชการของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 ประจำปีงบประมาณ 2568  เพื่อเป็นการส่งเสริมการตลาดภายใน และภายนอกประเทศ ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพแหล่งจำหน่ายสินค้าเกษตร เกษตรปลอดภัย เกษตรแปรรูป สินค้า BCG และสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ให้เป็นที่รับรู้และเป็นที่ยอมรับ   เพื่อสร้างรายได้ ด้วยการสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับเกษตรกรผู้ผลิตผู้ประกอบการได้อย่างยั่งยืนสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจตามประเด็นยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัด ที่ 1 พัฒนาภาคการเกษตรด้วยแนวทางเกษตรสมัยใหม่ในการยกระดับระบบการผลิตภาคการเกษตรสู่เกษตรอัจฉริยะและเกษตรปลอดภัยเพื่อสร้างสินค้าเกษตรมูลค่าสูง และมีศักยภาพทางการแข่งขัน   และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน โดยการนำสินค้าในภาคการผลิตออกจำหน่ายในตลาด ให้ความสำคัญกับห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ส่งเสริมกิจกรรมตั้งแต่ตันน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยังยืน


ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจเที่ยว ชิม ช๊อป ได้ในงาน “Green Local Market ตลาดสินค้าเกษตรดี วิถีชุมชนซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่   23 – 27 กรกฏาคม 2568 รวม 5 วัน ศูนย์การค้าเจเจมอลล์ แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร









สำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุทัยธานีจัดกิจกรรมการเจรจาจับคู่ธุรกิจการค้า (Business Matching) “Green Local Market ตลาดสินค้าเกษตรดี วิถีชุมชน”



นายศรณ์จักร์ชัย ชูวาพิทักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน เจรจาจับคู่ธุรกิจการค้า(Business Matching) ในรูปแบบ Online และ Offline กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 ประจำปีงบประมาณ 2568 จัดโดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุทัยธานี วันศุกร์ ที่ 25 กรกฎาคม 2568 ห้องสุโขทัย ชั้น 7 ศูนย์การค้าเจเจมอลล์ แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร


งานในวันนี้ ถือเป็นการร่วมบูรณาการทั้งภาคเอกชนและภาคราชการ ที่ให้ความสำคัญกับขยายช่องทางการตลาดสินค้าเกษตร และเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบการผลิตสินค้าเกษตร เกษตรปลอดภัย สินค้าเกษตรแปรรูป สินค้า BCG และสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มพูนทักษะการดำเนินธุรกิจให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับประเทศ และนานาชาติได้


นายศรณ์จักร์ชัย ชูวาพิทักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี กล่าวว่า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุทัยธานี จัดพิธีเปิดกิจกรรมเจรจาธุรกิจ (Business Matching) ภายใต้ชื่องาน “Green Local Market ตลาดสินค้าเกษตรดี วิถีชุมชนซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 – 27 กรกฎาคม 2568 ศูนย์การค้าเจเจมอลล์ กรุงเทพมหานคร โดยกิจกรรมเจรจาธุรกิจจัดขึ้นในวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดเวทีการเชื่อมโยงธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม ระหว่าง ผู้ประกอบการสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป สินค้า BCG และ GI จากกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 (อุทัยธานี พิจิตร กำแพงเพชร และนครสวรรค์) กับ ผู้ซื้อเป้าหมาย ได้แก่ ร้านอาหาร ร้านค้าจำหน่ายสินค้าอาหาร ผู้แทนส่งออก ผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรด และกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารและของใช้เพื่อสุขภาพ กิจกรรม Business Matching ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตร และส่งเสริมการตลาดของกลุ่มจังหวัด โดยเน้นการ เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรด้วยนวัตกรรม สอดคล้องกับแนวคิด BCG Economy และการพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมเชื่อมโยงการค้าให้เกิดจริง ทั้งในรูปแบบ Online และ Offline เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้ซื้อที่หลากหลาย และขยายโอกาสให้เกษตรกรรายย่อยสามารถเข้าสู่ตลาดได้กว้างขึ้น เป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมยุทธศาสตร์ ด้านการ สร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจการค้าภายในประเทศ ตลอดจนสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยกลุ่มผู้ขายในกิจกรรม Business Matching ประกอบด้วยผู้ประกอบการที่เป็น เกษตรกร ผู้แปรรูปอาหารและเครื่องดื่ม ของใช้ ของที่ระลึกจากวัสดุธรรมชาติ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีอัตลักษณ์ท้องถิ่น จาก 4 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 ซึ่งล้วนผ่านการคัดสรรจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัด มีคุณภาพ มีศักยภาพในการผลิตและจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสในการตกลงซื้อขายจริงในอนาคต โดยภายในงานมีระบบสนับสนุนทั้งด้านล่าม ภาพรวมข้อมูลผู้ขาย/ผู้ซื้อ และพื้นที่เจรจาที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกในการพูดคุยโดยเฉพาะ


นางศรนภา ศรีประทุม พาณิชย์จังหวัดอุทัยธานี  กล่าวเสริมว่า การจัดงานเจรจาจับคู่ธุรกิจการค้า (Business Matching) ในรูปแบบ Online และ Offline กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 ประจำปีงบประมาณ 2568เป็นการดำเนินงานภายใต้โครงการส่งเสริมการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรตามแผนปฏิบัติราชการของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 ประจำปีงบประมาณ 2568 ตามประเด็นยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัด ที่ 1 มุ่งเน้นพัฒนาภาคการเกษตรด้วยแนวทางเกษตรสมัยใหม่ ยกระดับระบบการผลิตภาคการเกษตรสู่เกษตรอัจฉริยะและเกษตรปลอดภัย เพื่อสร้างสินค้าเกษตรมูลค่าสูงและมีศักยภาพทางการแข่งขัน และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน โดยการนำสินค้าในภาคการผลิตออกจำหน่ายในตลาด ให้ความสำคัญกับห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ส่งเสริมกิจกรรมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน



การจัดงานในครั้งนี้ เป็นการนำผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตร เกษตรปลอดภัย เกษตรแปรรูป สินค้า BCG และสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 มาเจรจาจับคู่ธุรกิจการค้า(Business Matching) ในรูปแบบ Online และ Offline โดยจัดขึ้นในวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ศูนย์การค้าเจเจมอลล์ แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร มีผู้ประกอบการค้า จำนวน 50 ราย ที่ได้รวบรวมของดีของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 มาเพื่อเจรจาจับคู่ธุรกิจการค้าเพื่อให้ผู้ประกอบการค้าทั้งภายในและภายนอกประเทศได้เข้าถึงแหล่งจำหน่ายสินค้าเกษตร สินค้าเกษตร เกษตรปลอดภัย เกษตรแปรรูป สินค้า BCG และสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2



สำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุทัยธานีเชื่อว่า กิจกรรม Business Matching ครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการขยายเครือข่ายธุรกิจ สร้างโอกาสทางการตลาด และเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการในระดับชุมชนให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

















วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

AGRITECHNICA ASIA 2026 เปิดตัวธีมหลักของงานพร้อมขยายเวทีนวัตกรรมสู่เอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงภาคการเกษตรในภูมิภาคเอเชียที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง AGRITECHNICA ASIA 2026 ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20–22 พฤษภาคม 2569  ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ ได้เปิดธีมหลักใหม่ภายใต้หัวข้อ Farm.Farmer.Futureหรือ เกษตร.เกษตรกร.อนาคต.” เพื่อตอบรับกับแนวโน้มการพัฒนาเกษตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และการพัฒนาที่ครอบคลุมทุกภาคส่วน

งานแสดงสินค้านี้สานต่อจาก AGRITECHNICA จากประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าภายในอาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้านเครื่องจักรกลการเกษตร โดยในขณะนี้ AGRITECHNICA ASIA กำลังก้าวเข้าสู่ครั้งที่ 6 และได้กลายเป็นงานแสดงสินค้าชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้านการผลิตพืชและเครื่องจักรกลเกษตร ถือเป็นงานแสดงสินค้าเกษตรนานาชาติที่มีความเป็นสากลมากที่สุดในเอเชีย ด้วยเครือข่ายที่แข็งแกร่งซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจและการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เป็นหัวใจสำคัญ

ซึ่ง AGRITECHNICA ASIA จัดโดยสมาคมการเกษตรเยอรมัน (DLG) และได้รับความร่วมมือจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งประเทศไทย งานนี้จะเป็นเวทีระดับภูมิภาคในการเร่งนวัตกรรมเกษตร เสริมสร้างความร่วมมือ และขับเคลื่อนโอกาสทางธุรกิจที่ตอบโจทย์ความต้องการในพื้นที่

เวทีที่ตอบโจทย์ความต้องการในภาคการเกษตรของเอเชียอย่างแท้จริง

AGRITECHNICA ASIA 2026 มุ่งเน้นการพัฒนาที่สอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ในด้านการผลิตพืช การใช้เครื่องจักรกลทางการเกษตร เกษตรกรรมดิจิทัล และการพัฒนาศักยภาพของเกษตรกร โดยเปิดพื้นที่สำหรับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และผู้กำหนดนโยบายได้พบปะ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และสร้างเครือข่ายความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความก้าวหน้าคือการส่งเสริมให้เทคโนโลยีเข้าถึงมือของเกษตรกร พร้อมทั้งเปิดทางสู่นวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ได้จริงและขยายผลได้อย่างเป็นรูปธรรมAGRITECHNICA ASIA คืองานแสดงสินค้าที่ขับเคลื่อนสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นได้จริง” นางสาวKatharina Staske กรรมการผู้จัดการ DLG Asia Pacific กล่าว

แพลตฟอร์มใหม่ภายในงาน เพื่อตอบสนองกระแสความต้องการที่เพิ่มขึ้น

AGRIFUTURE Zone  – โซนนวัตกรรมเกษตรแห่งอนาคต

โซนนำเสนอนวัตกรรมจากสตาร์ทอัพ ผู้นำด้านเกษตรดิจิทัล และโซลูชันล้ำสมัยในด้านเซนเซอร์ ระบบอัตโนมัติ และแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูล โดยครอบคลุมเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) เกษตรกรรมแนวตั้ง และอุปกรณ์ภาคสนามที่ได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในเอเชียอย่างแท้จริง 

Future Farmer Zone – โซนเกษตรกรแห่งอนาคต

เวทีพลังขับเคลื่อนที่เปิดโอกาสให้ประเทศไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และประเทศพันธมิตรอื่น ๆ ได้นำเสนอเรื่องราวของเกษตรกรตัวจริงที่กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลง พบกับเกษตรกรรุ่นใหม่ และนักนวัตกรรมทางการเกษตร ภายในเวทีการแลกเปลี่ยนความรู้และบทสนทนาอย่างเข้มข้นตลอดระยะเวลา 3 วันของงาน 

DLG Agribusiness Connect – พื้นที่สร้างเครือข่ายธุรกิจการเกษตรระดับนานาชาติ
โซนสร้างเครือข่ายธุรกิจในรูปแบบใหม่ สำหรับผู้นำเข้า ผู้แทนจำหน่าย และกลุ่มผู้ซื้อที่ได้รับเชิญโดยเฉพาะ ภายในโซนประกอบด้วยบริการจับคู่ธุรกิจแบบคัดสรร เลานจ์ธุรกิจสุดพิเศษ และสิทธิประโยชน์ด้าน B2B รูปแบบใหม่ อาทิ โปรแกรมเยี่ยมชมฟาร์มสาธิต และศูนย์บริการด้านเครื่องจักรกลการเกษตรที่จัดขึ้นเป็นพิเศษ

Guided Tours for Farmers & Cooperatives – โปรแกรมนำชมนิทรรศการเชิงเรียนรู้สำหรับเกษตรกร

จัดทัวร์นำชมแบบสองภาษาสำหรับกลุ่มเกษตรกร ทั้งจากประเทศไทยและนานาประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้มีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับผู้จัดแสดงชั้นนำ ผู้ให้บริการเทคโนโลยี และผู้พัฒนาเครื่องจักรกลการเกษตรนวัตกรรมใหม่ ทัวร์นี้จะทำหน้าที่เป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่สำคัญสำหรับสหกรณ์และชุมชนเกษตรก้าวหน้าในภูมิภาค

Innovation Award at AGRITECHNICA ASIA – รางวัลเพื่อยกย่องความเปลี่ยนแปลง

เป็นครั้งแรกที่ AGRITECHNICA ASIA Innovation Awards จะมอบรางวัลให้กับเทคโนโลยีที่สร้างการเปลี่ยนแปลงและได้รับการพัฒนาให้เหมาะสมกับภาคเกษตรของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะเดียวกัน Future Farmer Awards จะให้ความสำคัญกับบทบาทและผลงานอันโดดเด่นของสตรี เยาวชน และผู้ประกอบการเกษตรรุ่นใหม่ที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง รางวัลทั้งสองประเภทนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อขับเน้นเรื่องราวและแนวทางแก้ไขที่เกิดขึ้นจริงในระดับภูมิภาค

จัดร่วมกับงาน HortEx Thailand

AGRITECHNICA ASIA 2026 จะจัดควบคู่กับ HortEx Thailandงานแสดงสินค้าเทคโนโลยีการผลิตพืชสวนและไม้ดอกชั้นนำของภูมิภาค ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ระบบเรือนกระจก การขยายพันธุ์พืช ไปจนถึงการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวและเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์

วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

เกษตรฯ เปิดคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2568 ระดับประเทศ ยกระดับบริการถึงมือเกษตรกร ส่งเสริมองค์ความรู้ เพิ่มรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ



เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2568 ระดับประเทศ โดยมี นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร นางวจิราพร อมาตยกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และผู้บริหารในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 4 จังหวัดนครศรีธรรมราช ตำบลนาบอน อำเภอนาบอน จังหวัดนครศรีธรรมราช



นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อปัดเป่าทุกข์ร้อนแก่พสกนิกรใต้ร่มบรมโพธิสมภาร ด้วยน้ำพระราชหฤทัยเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา ได้พระราชทานความช่วยเหลือแก่พสกนิกร ทรงห่วงใย ทรงติดตามข้อมูลข่าวสาร เพื่อแก้ไขปัญหาได้ทันสถานการณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยคณะกรรมการโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร จึงได้ร่วมกันจัดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2568 ระดับประเทศ ระหว่างวันที่ 17 – 18 กรกฎาคม 2568 ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 4 จังหวัดนครศรีธรรมราช ตำบลนาบอน อำเภอนาบอน จังหวัดนครศรีธรรมราช และระดับจังหวัด อีก 76 จังหวัด ซึ่งกำหนดจัดงานในห้วงระหว่างวันที่ 1 – 31 กรกฎาคม 2568 โดยมีเป้าหมายเกษตรกรรวมกว่า 8,900 ราย



ทั้งนี้ กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย กิจกรรมลงนามถวายพระพร พิธีถวายพระพรชัยมงคล การแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กิจกรรมการให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ โดยมีคลินิกหลักที่ร่วมให้บริการจำนวน 11 คลินิก ได้แก่ คลินิกดิน ให้คำปรึกษา ตรวจวิเคราะห์ วินิจฉัยและให้บริการด้านวิเคราะห์ ตรวจสอบดินและปุ๋ย การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ต่าง และการผลิตพืชปุ๋ยสด โดยกรมพัฒนาที่ดิน คลินิกพืช ให้คำปรึกษา ตรวจวิเคราะห์ วินิจฉัยและให้บริการด้านโรคและแมลง ศัตรูพืช วัชพืชการเก็บเกี่ยวพืช การผลิตเมล็ดพันธุ์ การคัดเลือกพันธุ์ การทดสอบความงอก การขาดธาตุอาหารพืช สารพิษตกค้าง และวัตถุมีพิษทางการเกษตร โดยกรมวิชาการเกษตร คลินิกข้าว ให้คำปรึกษา ตรวจวิเคราะห์ วินิจฉัยโรคที่เกิดในข้าว การป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูข้าว การกำจัดวัชพืชในนาข้าว การลดต้นทุนการผลิตข้าว การใช้ข้าวพันธุ์ดี การตรวจสอบคุณภาพเมล็ดพันธุ์ข้าว การบริการตรวจรับรอง GAP ข้าว และการแปรรูปและการใช้ประโยชน์จากข้าว โดยกรมการข้าว คลินิกปศุสัตว์ ให้คำปรึกษา ตรวจวิเคราะห์ วินิจฉัยโรคและการตรวจรักษา พยาบาลสัตว์ การให้วัคซีน ทำหมันสัตว์ การผสมเทียม การควบคุมโรคระบาดในสัตว์ และการเลี้ยงสัตว์ โดยกรมปศุสัตว์ คลินิกประมง ให้คำปรึกษา ตรวจวิเคราะห์ วินิจฉัยและรักษาโรคในสัตว์น้ำ การควบคุมโรคระบาดในสัตว์น้ำ การตรวจคุณภาพน้ำ และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยกรมประมง คลินิกชลประทาน ให้คำปรึกษา แนะนำการบริหารจัดการน้ำ การพัฒนาแหล่งน้ำ และการให้น้ำแก่พืช โดยกรมชลประทาน คลินิกสหกรณ์  ให้คำปรึกษา แนะนำการจัดตั้งสหกรณ์ การบริหารงานในสหกรณ์ และให้ความรู้เกี่ยวกับระเบียบปฏิบัติต่าง เกี่ยวกับสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ คลินิกบัญชี ให้คำปรึกษา แนะนำการจัดทำบัญชีฟาร์ม และบัญชีครัวเรือน โดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ คลินิกกฎหมาย ให้คำปรึกษา แนะนำ และประสานความรู้ด้านกฎหมายปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และกฎหมายอื่น ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม คลินิกหม่อนไหม ให้คำปรึกษา แนะนำการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม หม่อนพันธุ์ดี การตัดแต่งกิ่งและการดูแลรักษาแปลงหม่อน การป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูหม่อน การดูแลรักษาผลหม่อนสุก และการทำชาใบหม่อน โดยกรมหม่อนไหม และคลินิกส่งเสริมการเกษตร ที่ให้คำแนะนำด้านอารักขาพืช การส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ การขยายพันธุ์พืช การเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจ และการซ่อมบำรุงเครื่องจักรกลการเกษตร โดยศูนย์ปฏิบัติการในสังกัดกรมส่งเสริมการเกษตร



นายอรรถกร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ 11 คลินิกหลักแล้ว ยังมีกิจกรรมพิเศษเปิดให้บริการเจาะลึกองค์ความรู้พืช โดยเน้นการป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูของพืชเศรษฐกิจหลักของจังหวัดนครศรีธรรมราช อาทิ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มะพร้าว และไม้ผล ที่ครอบคลุมทุกขั้นตอนตั้งแต่การเตรียมพื้นที่ การปลูก การดูแลรักษา จนถึงการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว โดยมุ่งเน้นให้เกษตรกรได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง ควบคู่ไปกับกิจกรรมสาธิต/ฝึกอบรมระยะสั้น จากคลินิกส่งเสริมการเกษตร และคลินิกอื่นๆ กว่า 10 หลักสูตร เช่น การขยายพันธุ์พืชที่เหมาะสม การขยายและการใช้สารชีวภัณฑ์อย่างง่าย การเลี้ยงผึ้งโพรงและชันโรง การทำยาหม่องจากผลิตภัณฑ์ผึ้ง การเพาะผักงอกเพื่อสร้างรายได้ การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเนื้อโค การแปรูปข้าว การแปรรูปมังคุด การจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เป็นต้น รวมถึงสนับสนุนปัจจัยการผลิตด้านการเกษตรต่างๆ เช่น พืชพันธุ์ดี สารชีวภัณฑ์ พันธุ์สัตว์น้ำ วัคซีนและเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ และพันธุ์พืชอาหารสัตว์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมการ Live จำหน่ายมังคุดคุณภาพของจังหวัดนครศรีธรรมราช และผลผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพ ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน และเกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer) จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมทั้งการสาธิตการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร และกิจกรรมอื่นๆ โดยโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ นอกจากระดับประเทศที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 18 กรกฎาคม 2568 ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 4 จังหวัดนครศรีธรรมราช ตำบลนาบอน อำเภอนาบอน จังหวัดนครศรีธรรมราช แล้วยังมีการจัดกิจกรรมระดับจังหวัด อีก 76 จังหวัด ซึ่งกำหนดจัดงานในห้วงระหว่างวันที่ 1 – 31 กรกฎาคม 2568 และมีเป้าหมายเกษตรกรเข้าร่วมงานรวมกว่า 8,900 ราย



ด้าน นางจิรันธนินท์ เพิ่มสูงเนิน หนึ่งในเกษตรกรที่เข้าร่วมงาน เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ทำสวนยาง 18 ไร่ ใช้ปุ๋ยเคมีและฉีดยาฆ่าหญ้า ปรากฏว่าพอเปิดหน้ายาง แล้วไม่มีน้ำยาง ได้น้ำยางน้อยมาก ต่อมาได้ยินว่ามีงานคลินิกเกษตรจึงขอไปร่วมงานกับเจ้าหน้าที่เกษตร ได้เห็นว่ามีหลายบูธหลายหน่วยงาน และมีโอกาสได้ปรึกษาหมอดิน จากนั้นก็ทดลองขุดดินในพื้นที่สวนไปตรวจ ได้คำตอบว่าคุณภาพดินเสื่อมโทรม ได้รับคำแนะนำให้ใช้ปุ๋ยหมัก ลดการใช้ปุ๋ยเคมี และปรับมาใช้น้ำหมักอินทรีย์ ทำให้จากเดิมที่เคยต้องจ่ายค่าปุ๋ยเคมีรอบละเกือบ 2 หมื่นบาท เมื่อปรับมาใช้ชีวภัณฑ์ก็ลดค่าใช้จ่ายเหลือเพียง 7-8 พันเท่านั้น ทำให้รู้สึกว่าได้ประโยชน์มากมายจากการไปร่วมงานคลินิกเกษตร และปัจจุบันเกษตรกรก็ให้ความสนใจเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเกษตรมากขึ้น บางคนก็ทำไม่เป็นก็ได้ความรู้คำแนะนำจากการเข้าร่วมงาน เพราะภายในงานมีองค์ความรู้ด้านการเกษตรครบวงจร และสิ่งสำคัญคือได้เครือข่ายทั้งเกษตรกรและหน่วยงานต่างๆ ที่มาร่วมงานอีกด้วย





VICTAM Asia 2026 กลับมาเยือนกรุงเทพฯ อีกครั้ง !! งานแสดงอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ สุขภาพสัตว์ และเทคโนโลยีการสีข้าว

วันที่ 14 พฤศจิกายน : งาน VICTAM Asia 2026 ผนึกกำลัง VIV Health & Nutrition Asia และ GRAPAS Asia 2026 เตรียมกลับมาเปิดงานแสดงสินค้า...