วันที่ 30 สิงหาคม 2565
ที่สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ได้มีการแถลงข่าวร่วมกับ นายกสมาคมสุกร 4 ภาค เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรจากต่างประเทศ
จำนวนมากจนอาจส่งผลกระทบผู้เลี้ยงสุกรในประเทศระยะยาว
นายสุรชัย สุทธิธรรม
นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการเฝ้าสังเกตการณ์
การกระทำผิดมาสักระยะหนึ่ง ของเครือข่ายผู้เลี้ยงสุกรพบว่ามีขบวนการลักลอบการนำเข้าเนื้อสุกรเถื่อนหรือที่เรียกว่าหมูกล่องอย่างเปิดเผย
โดยพบว่ามีการจำหน่ายเนื้อสุกร ราคาถูกกว่าปกติ
โดยคาดว่ามีหมูกล่องราคาถูกที่นำไปขายในตลาดหมูกระทะกว่าร้อยละ 80-90 แม้กรมปศุสัตว์ออกมากวาดล้างอย่างจริงจัง
แต่จำนวนที่จับได้ยังคงเป็นส่วนน้อย จึงต้องเรียกร้องให้ภาครัฐเอาจริงกับการปราบปรามการลักลอบการนำเข้า
โดยภาครัฐควร ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ กรมศุลกากร
กรมปศุสัตว์ และกรมการค้าภายใน
ควรจะเข้าไปตรวจสอบอย่างต่อเนื่องเพราะปัจจุบันเราส่งเสริมให้เกษตรกรผู้เลี้ยงและมีบางส่วนเสียหายจากปัญหาโรคระบาดโดยเฉพาะ
ASF ที่เกษตรกรกำลังเริ่มกลับมาเข้าขุนใหม่แล้วกว่า 1 ล้านตัว ซึ่งก่อนผลผลิตจะออกสู่ตลาดในไตรมาสที่ 4
ในปีนี้
เราจะปล่อยให้มีการลักลอบต่อไปอาจเกิดความเสียหายต่อตลาดสุกรในประเทศโดยปัจจุบันสถานการณ์การระบาดโรค
ASF ในสุกรเริ่มคลี่คลาย และหากยังมีการลักลอบนำเข้าอาจทำให้เนื้อสุกร
ที่ติดเชื้อเข้ามามีการแพร่ระบาดต่อเนื่อง
ทั้งนี้เกษตรกรยังมีปัญหาภาวะต้นทุนการผลิตสุกรปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี
2563 จนถึงปัจจุบัน
จากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น มี Supply น้อยกว่าความต้องการ
และถูกซ้ำเติมจากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
ทำให้การเลี้ยงสุกรในปัจจุบัน ผู้เลี้ยงต้องแบกรับภาระต้นทุน ในไตรมาสที่ 2-3/2565 อยู่ในช่วง 98-101 บาทต่อกิโลกรัม
นอกจากนี้ผู้เลี้ยงสุกรต้องแบกรับภาระต้นทุนดูแลทั้งกลุ่มพืชไร่-ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
และชาวนา-ข้าว ในขณะที่ราคาขายสุกรหน้าฟาร์มต้องให้ความร่วมมือกับกรมการค้าภายใน
กระทรวงพาณิชย์ เพื่อดูแลผู้บริโภคในประเทศ
ดังนั้นปัญหาการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูที่มีราคาต่ำมาจำหน่ายในประเทศ
จึงเป็นเรื่องที่เอารัดเอาเปรียบผู้เลี้ยงสุกรไทย
จนถึงขั้นสามารถทำลายการเลี้ยงสุกรไทยได้จึงขอให้ภาครัฐเร่งแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
ด้าน นายนิพัฒน์ เนื้อนิ่ม
นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า
เท่าที่มีการตรวจสอบพบว่าขณะนี้มีการลอบนำเข้าเนื้อสุกรจากต่างประเทศกว่าเดือนละ 1,000 ตู้(ตู้ละ 25 ตัน)
เข้ามาตีตลาดไทยซึ่งถือเป็นเรื่องที่แปลก และไม่ทราบว่าใครเกี่ยวข้อง
ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐต้องเข้าไปตรวจสอบอย่างจริงจัง เพราะประกาศชัดเจนไม่ให้มีการนำเข้า
แต่มีขบวนการลักลอบนำเข้าโดยมีการสำแดงเอกสารอันเป็นเท็จเพื่อลักลอบในการนำเข้าจำนวนมาก
และถ้ายังปล่อยให้มีการลักลอบนำหมูราคาถูกเข้ามา นอกจากจะทำลายอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรของไทยแล้ว
ยังเป็นการนำโรค ASF กลับเข้ามาในระบบอีก
เพราะไทยเราเริ่มคุม ASF ได้แล้ว เนื้อหมูนำเข้าเหล่านั้นมีการวางจำหน่ายแพร่กระจายไปทุกภูมิภาค
เป็นหมูแช่แข็งมาจากยุโรป ตามรายงานจากองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ(OIE)
ยืนยันเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2565 ว่ามีการระบาดของ ASF ที่เยอรมัน
ยิ่งทำให้เนื้อหมูที่ลักลอบนำเข้ามาเสมือนเป็นขยะที่เขาต้องทำลาย
แต่ลักลอบส่งมาขายแบบถูกๆ
หากปล่อยให้อยู่ในระบบก็จะมีโอกาสที่คนงานในฟาร์มไปสัมผัสนำเชื้อเข้าฟาร์มได้
การกลับมาเลี้ยงสุกรใหม่ ผู้เลี้ยงต้องเผชิญทั้ง Supply ส่วนเกิน
และเชื้อไวรัสในระบบที่พร้อมต่อเชื้อได้ตลอดเวลา
เราจึงต้องเร่งหาทางกำจัดการลักลอบนำเข้าอย่างด่วนที่สุด
ด้าน นายสัตวแพทย์วรวุฒิ ศิริปุณย์
ประธานชมรมผู้เลี้ยงสุกรจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า
จากการตรวจสอบพบว่าเนื้อหมูที่ลักลอบนำเข้าในช่วงนี้
มีราคาที่ต่ำกว่าราคาในบ้านเรามาก แต่ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ทั้งโลกแพงพอๆ กัน
ยกเว้นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บ้านเราที่ยังแพง ราคาอยู่ที่ 12-13 บาทต่อกิโลกรัม
โดยข้าวโพดในต่างประเทศรวมต้นทุนค่าขนส่งแล้วต่ำกว่าไทยไม่มาก
ในขณะที่ข้าวสาลีเริ่มย่อตัวเล็กน้อย ดังนั้นเนื้อหมูที่ลักลอบหรือที่ตลาดเรียก
“หมูกล่อง” มีราคาเสนอขายต่ำมากนั้น มั่นใจว่าเป็นหมูติดเชื้อ ASF ทั้งหมด
ถ้ายังจำกันได้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดย
ส.ส.ภาคเหนือท่านหนึ่ง ได้นำหลักฐานผลการตรวจจากหน่วยชันสูตรโรคสัตว์กลาง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบเชื้อ ASF ในเนื้อหมูทั้งหมดจาก 3 ตัวอย่าง จากที่ขายลดราคาในตลาดองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร หรือ ตลาด อ.ต.ก.
กรุงเทพฯ ช่วง 12-19
กุมภาพันธ์ 2565 และเก็บตัวอย่างห้างชานเมือง กรุงเทพฯ
ตรวจพบ 3 จาก 4 ตัวอย่าง
ในช่วงเดือนเมายน 2565
และครั้งที่ 3
เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสุกรจากห้างย่านสุขุมวิท ตรวจพบ 8 จาก 20 ตัวอย่าง มายืนยันในสภา จึงเป็นหลักฐานที่ค่อนข้างเชื่อได้ว่า
เนื้อหมูลักลอบนำเข้ามาจำหน่าย เป็นเนื้อที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส ASF เกือบทั้งหมด
ดังนั้น “หมูกล่อง”
ที่เก็บตามห้องเย็นต่างๆ เสมือนระเบิดเวลาของประเทศ
ที่จะทำให้เกิดการระบาดไม่สิ้นสุด และเชื่อว่ากลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเนื้อหมู
กลุ่มแปรรูปถนอมอาหารก็น่าจะสำรองเนื้อหมูเหล่านี้ไว้เช่นกัน โดยใช้เหตุผลที่ว่า
“ไวรัสไม่ติดต่อสู่คน”
มาเป็นประโยชน์ในการรับซื้อของขบวนการลักลอบนำเข้าหมูกล่องเหล่านี้
วันนี้เราจึงต้องหาทางจัดการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน”
ด้าน นายสิทธิพันธ์
ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า
ตลอดเวลาตั้งแต่ต้นปี สมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
และชมรมผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ร่วมจัดสัมมนาสัญจรใน 10 จังหวัด ตั้งแต่อีสานเหนือ
จนถึงอีสานใต้เพื่อแนะนำให้เกษตรกรที่กำลังจะกลับมาเลี้ยงใหม่ที่ร่วมสัมมนาได้รู้วิธีการเลี้ยงอย่างถูกวิธี
และถ้าหากยังมีการปล่อยให้มีการลักลอบนำเข้า
เนื้อสุกรที่มีเชื้อโรคเข้ามาอาจทำลายขบวนการเลี้ยงสุกรได้โดยประเมินได้ว่ามีเกษตรกรกลับมาเลี้ยงใหม่ประมาณ
10% ถึงแม้ภาระต่างๆ ยังหนักหนามาก เช่น
ค่าลูกสุกรพันธุ์ที่สูง ค่าอาหารสัตว์ ค่าพลังงาน ฯลฯ
ภาคอีสานเป็นตลาดที่มีหมูลักลอบสูง เช่นกัน
เนื่องจากมีตลาดการแปรรูปถนอมอาหารที่ใหญ่มาก ถ้าเนื้อหมูดังกล่าวปนเปื้อนไวรัส ASF
ภาคอีสานก็จะมีการกระจายของเชื้อในเนื้อหมูนี้มากเช่นกัน
สุดท้ายแล้วมันจะมาทำร้ายเกษตรกรผู้เลี้ยงในพื้นที่ระลอกใหม่
สำหรับแนวทางแก้ไขผมเคยชี้แนะให้กระทำในลักษณะ
3 ประสาน ทั้งกรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ กรมการค้าภายใน
กับการจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูกเกินจริง ก็ถือว่าเป็นความผิดตาม
พรบ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการเช่นกัน
เพราะเป็นการกระทำความผิดต่อผู้เลี้ยงและผู้ค้า ซึ่งทั้ง 3
หน่วยงานสามารถประสานงานกันได้ เพื่อไม่ให้ประเทศเสียหาย
เพราะการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูที่อาจปนเปื้อนเชื้อไวรัส
หรือแม้แต่สารเร่งเนื้อแดงก็ตาม ถือว่าผิดกฎหมายทั้งนั้น
ด้าน นายสุนทราภรณ์ สิงห์รีวงศ์
นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ กล่าวว่า “ภาคเหนือเป็นพื้นที่ที่ปริมาณเนื้อหมูไม่เพียงพออยู่แล้ว
เนื่องจากเป็นพื้นที่แรกที่เสียหายจากการระบาดของโรค ASF ในสุกร
จากปกติปริมาณสุกรเข้าโรงฆ่าในพื้นที่อยู่ที่ 2,000-3,000
ตัวต่อวัน โดยปี 2564
มีการนำเข้าซากสุกรที่เชือดแล้วจากพื้นที่อื่นประมาณ 2-3
ล้านกิโลกรัมต่อเดือน แต่ปรากฎว่าเดือนมกราคม ปี 2565 ซากสุกรที่เชือดแล้วมีถึง 8 ล้านกิโลกรัม
ส่งผลกระทบต่อยอดขายสุกรมีชีวิตในฟาร์มเริ่มออกช้าลงประมาณ 30-50% ทำให้ต้องเลี้ยงต่อไปจนมีน้ำหนักมากขึ้น
ทำให้ราคาหน้าฟาร์มมีทิศทางที่จะอ่อนตัว
ถึงแม้การกลับเข้าขุนใหม่ของผู้เลี้ยงจะเพิ่มขึ้นแต่ผลผลิตยังไม่มาก
ซึ่งคาดว่าจะพอเพียงในพื้นที่ภายในสิ้นปีนี้
แต่กลับมีปริมาณเนื้อหมูในตลาดเพิ่มขึ้นผิดปกติ
จึงเป็นข้อสงสัยกว่าหมูเกือบไม่เหลือแล้ว
ทำไมในตลาดจึงมีจำนวนมาก โดยเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2565
ร้านจำหน่ายปลีกหมูของโบรกเกอร์รายหนึ่งมีการโฆษณาราคาส่วนสะโพกกิโลกรัมละ 150 บาท หัวไหล่ 135 บาท
เมื่อตรวจที่บรรจุภัณฑ์ระบุปีผลิต 2020
เป็นหมูตกค้างเกรงว่าจะมีเชื้อโรคปนเปื้อน
นายสัตวแพทย์ประภาส ภิญโญชีพ
รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า
ที่ผ่านมากรมปศุสัตว์ ได้ร่วมกับทางสมาคมฯ เร่งปราบปรามการลักลอบนำเข้าอย่างต่อเนื่อง
โดยไม่ได้นิ่งนอนใจจากข้อมูลที่ได้รับ ตนจะนำเสนอต่อกระทรวงเกษตรฯ
เพื่อประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยกรมปศุสัตว์จะร่วมมือกับกรมศุลกากร กรมการค้าภายใน เพื่อร่วมกันทำงานแบบบูรณาการณ์
และยืนยันว่าที่ผ่านมา มีการประกาศชัดเจนว่า ห้ามไม่ให้มีการนำเข้าเนื้อสุกรจากต่างประเทศมาโดยตลอด
และหากตรวจพบก็จะมีการยึดอายัดและทำลายทันที
ซึ่งจากนี้ไปคงจะต้องสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกด่านเข้มงวดในการตรวจสอบมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม