วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2563

วราวิช ที่ปรึกษา รมว.ศธ. บรรยายพิเศษ เรื่อง การจัดการศึกษายกกำลังสอง ในการประชุมเพื่อพัฒนาการศึกษาเอกชน

วันที่ 16 ตุลาคม 2563 นายวราวิช กำภู ณ อยุธยา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาการศึกษายกกำลังสองของการศึกษาเอกชนและบรรยายพิเศษ ณ โรงแรมเคพี แกรนด์ จันทบุรี โดยมี นายอรรถพล  ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาธิการ กช.)  คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.)  ประธานคณะกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชนจังหวัด (ปส.กช.) ผอ.กลุ่มส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด ผอ.สำนักงานการศึกษาเอกชนภาคใต้ และข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เข้าร่วมการประชุม  ณ โรงแรม เคพี แกรนด์ จันทบุรี

 นายวราวิช กล่าวตอนหนึ่งในการเปิดการประชุมและบรรยายพิเศษว่า ตนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเชิญมาเป็นประธานการประชุมสัมมนาการศึกษายกกำลังสองของการศึกษาเอกชนในวันนี้ เนื่องจากเป็นโอกาสสำคัญที่ตนจะได้พบปะกับผู้บริหารทุกระดับในระบบการศึกษาเอกชน ซึ่งทุกท่านล้วนเป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนการศึกษาของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง การศึกษาเอกชน ถือว่า เป็นระบบการศึกษาที่สำคัญ เนื่องจากการศึกษาเอกชนเป็นการสร้างโอกาสให้กับประชาชนในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียม และเป็นทางเลือกที่หลากหลายตอบสนองความต้องการของประชาชน ซึ่งเป็นการแบ่งเบาภาระของรัฐในการจัดการศึกษา รวมทั้งการศึกษาเอกชน ยังมีส่วนสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศให้ทัดเทียมกับนานาอารยประเทศอีกด้วย 

 นายวราวิช กล่าวอีกว่า ปัจจุบันระบบการศึกษาไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ทั้งด้านการสร้างพลเมืองให้มีคุณภาพ มีจำนวนกำลังคนที่เพียงพอต่อตลาดแรงงาน และมีศักยภาพเหมาะสมในการเข้าสู่สังคมโลกในศตวรรษที่ 21 เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนที่เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงภายในประเทศ โดยเฉพาะการปฏิรูปการศึกษาซึ่งจะเป็นผลดีต่อระบบการศึกษาของไทยต่อไปในระยะยาว และการที่จะนำพาประเทศไปสู่การพัฒนาได้ คนไทยต้องเก่งขึ้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการที่จะต้องพัฒนาการทุนมนุษย์ และสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิต สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่ทุกท่านควรจะต้องตระหนัก และร่วมมือกันในการขับเคลื่อนและพัฒนาระบบการศึกษาไทยให้สามารถสร้างคนที่มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล มีศักยภาพที่เพียงพอต่อการแข่งขันในเวทีระหว่างประเทศและรองรับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และที่สำคัญทุกท่านจะต้องสร้าง ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามให้เด็กและเยาวชนไทย รวมทั้งความยึดมั่นต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นคนไทย อีกด้วย


 นายอรรถพล  ตรึกตรอง กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID 19 ส่งผลกระทบต่อการศึกษาไทยในหลายด้าน แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยปลดล็อคการศึกษาไทยในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ ทั้งในด้านการบริหารจัดการ การประชุมสัมมนา และการจัดการเรียนการสอน ส่งผลให้เกิดการตื่นตัวและปรับตัวสู่การเรียนการสอนรูปแบบใหม่ ซึ่งท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ผลักดันนโยบายการศึกษายกกําลังสองสู่ความเป็นเลิศ ด้วยการสร้างกลไกที่เข้มแข็ง เพื่อสร้างการศึกษาและสร้างทุนมนุษย์ (Human Capital) ที่มีความเป็นเลิศ สามารถเข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และมีทักษะชีวิตที่พร้อมปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์ สช. เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดการศึกษาจึงได้จัดทำโครงการการศึกษายกกำลังสองของการศึกษาเอกชนขึ้น เพื่อมุ่งหวังให้สถานศึกษาเอกชนสามารถจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและส่งผลให้ผู้เรียนมีทักษะในศตวรรษที่ 21 นำไปสู่การเป็นพลเมืองอย่างมีคุณภาพต่อไป

สำหรับการประชุมฯ ในครั้งนี้ ได้มีการแบ่งกลุ่มเพื่อร่วมกันหารือ แนวทางการจัดการศึกษาเอกชน ของผู้ประสานงาน (Contac Person) ในเขตตรวจราชการ 1-18 ร่วมกับผู้เข้าร่วมประชุมแต่ละพื้นที่ โดยได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาการศึกษาตามนโยบาย “ปลดล็อก ปรับเปลี่ยน และเปิดกว้าง” โดยทาง สช. จะได้นำข้อมูลที่ได้รับ ไปเป็นแนวทางในการพัฒนาการศึกษาเอกชนต่อไป












ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น