วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

SUN ลุยโปรเจค Solar Rooftop ร่วมกับ Brilliant POWER ติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาโรงงาน


           บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) เดินหน้าลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้า จากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา 265 Kwp (Solar Rooftop) เฟส 2 เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เอง โดยคาดว่าจะดำเนินการติดตั้งแล้วเสร็จ ภายในเดือนกันยายน 2563 และสามารถบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพได้ทันที


          นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN และ นายวีรพล ยิ้มสินสมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริลเลี่ยนท์ พาวเวอร์ จำกัด ได้ร่วมลงนามสัญญาในโครงการผลิตไฟฟ้า จากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา 265 Kwp (Solar Rooftop) เฟส 2 เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เอง เพื่อลดค่าพลังงานไฟฟ้า เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2563 ณ บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน)


          นายองอาจ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ บริษัทฯได้ติดตั้ง Solar Rooftop บนหลังคาอาคารเฟส 1 ในปี 2561 บนพื้นที่หลังคา และมีกำลังการผลิตไฟฟ้าขนาด 500 กิโลวัตต์ โดยผลการติดตั้งสามารถลดต้นทุนทางด้านพลังงาน และช่วยลดอัตราค่าไฟฟ้า Peak Load ในช่วงเวลากลางวันของทุกวัน ถือเป็นการลดต้นทุนการใช้ไฟฟ้าในโรงงาน รวมถึงได้เป็นการใช้พื้นที่บนหลังคาให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ยังมีพื้นที่หลังคาอาคารว่างอยู่ จึงพิจารณาเห็นควรใช้ประโยชน์จากพื้นที่บนหลังคาดังกล่าว โดยในโครงการเฟส 1 ได้ใช้บริการของ Brilliant POWER ซึ่งมีผลงานเป็นที่น่าพึงพอใจมาก ในการติดตั้ง Solar Rooftop บนหลังคาโรงงาน ในเฟส 2 จึงได้เลือกใช้บริการของ Brilliant POWER อีกครั้งทันที


          บริษัท บริลเลี่ยนท์ พาวเวอร์ จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญการออกแบบระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ลงทุน และมีประสบการณ์ในการดำเนินการด้านวิศวกรรมติดตั้งระบบพลังงานทดแทน และคอยดูแลและบำรุงรักษาหลังการติดตั้งให้อย่างครบวงจร ให้กับ บมจ. ซันสวีท ได้เป็นอย่างดี โดยดำเนินการจัดหาอุปกรณ์พร้อมติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ผลิตไฟฟ้าแบบติดตั้งบนหลังคา เชื่อมต่อสายส่ง (Grid Connected) กำลังผลิต 265 kWp ในพื้นที่อาคารผลิตสินค้า Frozen ในโครงการเฟส 2 นี้ สามารถผลิตกำลังไฟฟ้าได้ 265 กิโลวัตต์พีค (kWp) และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าได้ 1.45 ล้านบาท ต่อปี ซึ่งเมื่อรวมกับเฟส 1 แล้วจะมีกำลังผลิตไฟฟ้ารวมถึง 765 กิโลวัตต์พีค (kWp) สามารถลดค่าไฟฟ้าลงได้ปีละ 4.2 ล้านบาท และยังช่วยการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือลดค่าคาร์บอนพริ้นท์ได้ถึงปีละ 577 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (TonCO2-eq)


อย่างไรก็ตาม การลงนามสัญญาในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดีในการร่วมมือด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม และนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของบริษัทฯ และเป็นการดำเนินตามนโยบายการส่งเสริมพลังงานของภาครัฐ และการประหยัดพลังงาน การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืนต่อไป และมุ่งสู่องค์กรที่มีความใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม (Smart Green Corporate) นายองอาจกล่าว ทิ้งท้าย









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น