วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2565

เกษตรฯ จับมือไบเออร์ไทย เปิดศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านการเกษตร เสริมประสิทธิภาพการทำงานด้านเกษตร ก้าวสู่การเกษตรยุคใหม่

 

นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านการเกษตร บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด ณ อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรีโดยมีนายมิสเตอร์เกออร์ก ชมิดท์ เอกอัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทย นายมิสเตอร์ศรีนาถ บาลา ผู้จัดการฝ่ายวิชาการและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ระดับภูมิภาค APAC (Regional APAC Head of Field Solution, Bayer Crop Science APAC)พร้อมด้วยตัวแทนตัวแทนจากหน่วยหน่วยงานราชการกระทรวงเกษตร และตัวแทนเกษตรกร  ในพื้นที่ ให้การตอนรับ 

ทั้งนี้นายประภัตร กล่าวว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เปิดโอกาสในการทำวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านการเกษตรในประเทศไทย เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของเกษตรกรไทย เพื่อเติมเต็มความรู้เกษตรกรให้ตามทันเทคโนโลยี และนำมาใช้ได้อย่างเข้าใจ ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านการเกษตร ที่อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ดำเนินงานโดย บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด ซึ่งเป็นแห่งที่ 2 ในภูมิภาคเอเชีย (แห่งแรกตั้งอยู่ที่ประเทศฟิลิปปินส์) เป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนภาครัฐในการศึกษาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เปิดโอกาสให้เกษตรกรเข้ามาศึกษาเรียนรู้ในการทำเกษตร แผนใหม่ โดยใช้นวัตรกรรม เช่น โดรน สถานีอากาศอัจฉริยะ Digital application สามารถเติมองค์ความรู้ให้เกษตรกรในจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกข้าวและปลูกพืชอื่นๆจำนวนมาก นำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และสร้างความมั่นคงของผลผลิต ที่ดีในอนาคต 

กระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายที่จะปรับปรุงการผลิตทางการเกษตร เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด และสนับสนุนให้เกษตรกรยุคใหม่รู้จักนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างเหมาะสม เอื้อต่อการใช้ทรัพยากรต่างๆให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งเมล็ดพันธุ์ ดิน น้ำ ปุ๋ย รวมถึงลดการใช้แรงงานคน นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯยังมี 5 ยุทธศาสตร์ เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนการพัฒนาการเกษตร ได้แก่ 1) ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต 2) ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีเกษตร 4.0 3) ยุทธศาสตร์ 3'S (Safety/Security/Sustainability) 4) ยุทธศาสตร์บริหารเชิงรุกแบบบูรณาการทุกภาคส่วน และ 5) ยุทธศาสตร์เกษตรกรรมยั่งยืนตามแนวศาสตรพระราชารมช.เกษตรฯ กล่าว 

นายประภัตร บอกด้วยว่า ประเทศไทยมีพื้นที่กว่า 323 ล้านไร่ เป็นพื้นที่เกษตรกรรมประมาณ 149 ล้านไร่ อาชีพเกษตรกรรมจึงเป็นอาชีพที่สำคัญของประเทศไทย แต่ปัญหาของเกษตรกรไทย คือ มีต้นทุนการผลิตที่สูง ดังนั้นการลดต้นทุนการผลิตจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น จึงอยากฝากให้ทางบริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด คิดค้น พัฒนานวัตกรรมด้านต่างๆ ด้วยความจริงใจและจริงจัง เพื่อผลิตยาและปุ๋ยที่ปลอดภัยต่อการทำการเกษตร เกษตรกร และผู้บริโภค ที่สำคัญให้เกษตรกรเข้าถึงนวัตกรรมใหม่ๆอย่างทั่วถึง 

ด้านนายเกออร์ก ชมิดท์ (H.E.Mr. Georg Schmidt) เอกอัครราชทูตสหพันธสาธาณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า มีความยินดีกับความร่วมมือระหว่างสองประเทศ โดยเยอรมนีพร้อมสนับสนุนให้ประเทศไทยพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตร เพื่อนำมาปรับปรุงการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และขอบคุณกระทรวงเกษตรฯ ที่สนับสนุนให้มีการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเกษตร ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสและกระตุ้นให้เกิดการการศึกษาวิจัยในอนาคตให้สอดรับกับความต้องการของเกษตรกรไทยต่อไปด้วย 

นายศรีนาถ บาลา ผู้จัดการฝ่ายวิชาการและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ระดับภูมิภาค APAC (Regional APAC Head of Field Solution, Bayer Crop Science APAC) กล่าวว่า ไบเออร์ มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมศักยภาพและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร โดยเกษตรกรจำเป็นต้องเข้าถึงนวัตกรรมเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำการเกษตรได้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกันทางศูนย์ฯ ยังสนับสนุนให้การพัฒนาแนวทางการจัดการศัตรูพืชแบบบูรณาการด้วย 

สำหรับศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านการเกษตร จะเข้ามามีส่วนในการดูแลความปลอดภัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมผ่านการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้ผลิตภัณฑ์ การพ่นสารเคมีอย่างถูกวิธีและปลอดภัย นำมาสู่ความปลอดภัยของพืชอาหาร ศูนย์ฯ ยังมีการแนะนำนวัตกรรมการจัดการของเสีย (Phytobac Technology) ที่ช่วยในการบำบัดน้ำเสียจากฟาร์มเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์น้ำอย่างยั่งยืนและความปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อมด้วย 

ขณะที่นางสาว จินอา ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด กล่าวว่าศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านการเกษตร ได้รับการอนุมัติในการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) โดยบริษัทฯ ได้มีการขยายการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว ข้าวโพด และผักชนิดต่างๆ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนยุทธศาสตร์การเกษตรของประเทศไทยเพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคเกษตรศูนย์แห่งนี้จะทำหน้าที่ดำเนินงานวิจัยด้านการเกษตรในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนวัตกรรมที่เกี่ยวกับข้าว ข้าวโพด และพืชผัก สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การเกษตรของประเทศไทย ในการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของภาคการเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) เกษตรแม่นยำ (Precision Farming) และเทคโนโลยีโดรน เพิ่มโอกาสให้เกษตรกรไทยสามารถเข้าถึงนวัตกรรมด้านการเกษตรและเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว รับมือกับปัญหาด้านการเกษตรทั้งการระบาดของโรคพืช ศัตรูพืช และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกันยังเป็นส่วนสนับสนุนในการยกระดับพืชผลทางการเกษตรสู่ตลาดที่มีคุณภาพและมูลค่าเพิ่มขึ้น ปลอดภัยต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังช่วยเปิดโอกาสในการจ้างงานและพัฒนาศักยภาพแก่ประชาชนในท้องถิ่น และเป็นศูนย์ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับหน่วยงานอื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

นายวีรพล เจริญพานิช ผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจครอปซายน์ ประเทศไทย กัมพูชา พม่า บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด กล่าวเสริมว่าศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านการเกษตร สุพรรณบุรี ถือเป็นศูนย์กลางวิจัยที่ใหญ่ที่สุดของไบเออร์ในประเทศไทย โดยเรามุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้านโรคและแมลงศัตรูพืชในนาข้าว ข้าวโพด และผักใบ เป้าหมายเพื่อทำให้เกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดการใช้สารเคมี ซึ่งจะทำให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิต เพิ่มรายได้ มีความปลอดภัยทั้งเกษตรกร และผู้บริโภค 

โดยบริษัทฯจะให้ศูนย์ฯแห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับเกษตรกรถึงวิธีการทำเกษตรปลอดภัย ใช้สารเคมีอย่างถูกวิธี ในเวลาที่เหมาะสม และปริมาณที่ถูกต้อง รวมถึงการให้ตระหนักถึงสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่มีผลต่อการทำเกษตรอย่างมาก และมีผลต่อโรคและศัตรูพืช โดยจะกระจายความรู้ไปให้ถึงเกษตรกรในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ รู้เท่าทัน ให้ผลผลิตที่ออกสู่ตลาดและส่งออกได้มาตรฐานความปลอดภัยเป็นที่ยอมรับ 

บริษัทฯมีความจริงจังในการส่งเสริมการทำเกษตรปลอดภัย โดยมีแผนเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ต้านโรคพืชและแมลงโดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในสัดส่วน 30% ภายใน 10 ปีเพื่อให้สินค้าเกษตรมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค



วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2565

กลุ่มสำนักงานเกษตรจังหวัดภาคเหนือ 17 จังหวัดจัดงานกีฬาลำพูน กระชับความสำพันธ์ หวังสร้างความร่วมมือการทำงานร่วมกันในพื้นที่ภาคเหนือ


นายวิชัย ตู้แก้ว เกษตรจังหวัดลำพูน
เป็นประธานการจัดงาน จัดการแข่งขันกีฬา DOAE สัมพันธ์ครั้งที่ 4/2565 “ตี้หละปูน”  ณ สนามหญ้าเทียม The Wolf Lamphum จังหวัดลำพูน โดยมีตัวแทนเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเกษตรจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ เข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่การดูแลของสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 6 จังหวัดเชียงใหม่ 


ทั้งนี้ นายวิชัย ตู้แก้ว เกษตรจังหวัดลำพูน เป็นประธานการจัดงาน กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีในการขับเคลื่อนงาน สร้างความรัก ความสามัคคี ของคนรุ่นใหม่ให้รู้จักกันในการทำงานให้มีศักยภาพมากขึ้นของคนในองค์กรทั้งหมด 17 จังหวัดในภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง ตาก กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ และอุทัยธานี และเป็นการสร้างสุขภาพและพลานามัยของคนในองค์กรให้มีสุขภาพที่แข็งแรง 




โดยในการแข่งขันกีฬาครั้งนี้ ทางสำนักงานเกษตรจังหวัดลำพูนเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขัน โดยแบ่งกีฬาออกเป็น 2 ประเภทคือ ฟุตบอล และแชร์บอล ซึ่งมีผู้ร่วมการแข่งขัน 11 จังหวัด 8 ทีม สำหรับผลการแข่งขันฟุตบอล ผู้ที่ได้รับรางวัลอันดับ 1 เป็นทีมจังหวัดพิษณุโลก และ สำหรับผลการแข่งขันแชร์บอล ผู้ที่ได้รับรางวัลอับดับ 1 ทีมจังหวัดน่าน  และในการจัดงานครั้งที่ 5/2566 ได้ส่งมอบให้จังหวัดพิษณุโลกเป็นเจ้าภาพในการจัดงานครั้งต่อไป 




"อยากฝากถึงเขตต่างๆ อยากให้มีการสนับสนุนในเรื่องของการออกกำลังกาย ซึ่งการออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรง และมีภูมิต้านทานต่อโรคต่างๆ และการจัดการแข่งขันกีฬาจะเป็นการสร้างความรัก สามัคคี รู้แพ้รู้ชนะ และการให้อภัย นอกจากนั้นยังเป็นการพบปะเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ใกล้เคียง ที่ทำงานร่วมกันซึ่งจะนำไปสู่การขับเคลื่อนงานได้ดีร่วมกันต่อไปด้วย" นายวิชัย กล่าว