วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ผลงานจิตรกรรมที่สะท้อนพลังแห่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน คว้ารางวัลชนะเลิศ จากเวทีการประกวดจิตรกรรมยูโอบี ครั้งที่ 11


เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563  ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย มอบรางวัลชนะเลิศ การประกวดจิตรกรรมยูโอบี ครั้งที่ 11 ประเภทศิลปินอาชีพ แก่ นายทองไมย์ เทพราม อายุ 37 ปี จากผลงาน รวมพลังประจัญบาน ที่สื่อให้เห็นพลังที่เข้มแข็งของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน นับเป็นผลงานที่มีความโดดเด่นและแสดงประเด็นความสามัคคีได้เด่นชัด

 


นายตัน ชุน ฮิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกของการจัดการประกวดจิตรกรรมยูโอบี ที่มีการกำหนดหัวข้อการประกวด “ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน (Solidarity)” โดยธนาคารเชื่อว่าการสร้างสรรค์ผลงานของศิลปินจะช่วยสร้างพลังแห่งความสามัคคี เพื่อให้ทุกคนในสังคมได้ก้าวผ่านอุปสรรคที่เกิดขึ้นด้วยพลังบวกและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไปด้วยกัน



“ท่ามกลางช่วงเวลาแห่งความท้าทายเช่นนี้ ศิลปะจะช่วยหลอมรวมและเสริมสร้างความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน ตลอดจนช่วยยกระดับจิตใจของชุมชน สำหรับการการประกวดจิตรกรรมยูโอบี ศิลปินได้สร้างสรรค์ผลงาน ที่นอกจากจะสร้างแรงบันดาลใจให้สังคมแล้ว ยังช่วยสืบสานศิลปะและเป็นการต่อยอดโอกาสให้ศิลปินเติบโตในเวทีระดับภูมิภาค”

 


นายทองไมย์ ศิลปินและอาจารย์สอนศิลปะ พูดถึงแนวคิดในการสร้างผลงานชิ้นนี้ว่า จิตวิญญาณหรือตัวตนภายในจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญ เมื่อพร้อมใจกันลงมือทำ ความสามัคคีและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันย่อมเกิดขึ้นเสมอ โดยสร้างสรรค์ผลงานผ่านรูปทรงและสีสันของกลุ่มฮีโรในเชิงสัญลักษณ์แทนจิตวิญญาณหรือตัวตนของปัจเจกบุคคลที่มีความแตกต่าง ซึ่งไม่ว่าจะดูแตกต่างกันเพียงใด แต่ทุกคนล้วนอยู่ฝ่ายเดียวกันและมีจุดหมายเดียวกัน คือพร้อมต่อสู้กับภัยร้ายที่อยู่ข้างหน้า แม้เป็นสิ่งที่อาจจะยังมองไม่เห็นก็ตาม

 



“เมื่อพูดถึงหัวข้อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ผมจึงคิดว่าเราควรปลูกฝังแนวคิดเรื่องความสามัคคี ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นผมจึงเลือกใช้เหล่าซูเปอร์ฮีโรซึ่งเป็นไอดอลของเด็กๆ ทั่วโลกมานำเสนอ ผมรู้สึกภูมิใจกับรางวัลนี้มาก เพราะเป็นเวทีที่ศิลปินอาชีพจำนวนมากส่งผลงานเข้าร่วมประกวด การได้รับรางวัลชนะเลิศในครั้งนี้มีความหมายกับผมมาก ทั้งในฐานะศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะและฐานะอาจารย์ผู้สร้างสรรค์ศิลปินในอนาคต”

 

คณะกรรมการตัดสินการประกวดจิตรกรรมยูโอบี ประจำปี 2563 ประกอบด้วย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ปริญญา ตันติสุข ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ปี 2561 อาจารย์อำมฤทธิ์ ชูสุวรรณ ศิลปินผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีฝ่ายศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร และคุณลักขณา คุณาวิชยานนท์ กรรมการบริหารหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

 

ผลงาน รวมพลังประจัญบาน ได้สร้างความประทับใจให้คณะกรรมการอย่างมาก การที่ศิลปินได้นำเหล่าซูเปอร์ฮีโร ที่เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีทั้งไทยและเทศมารวมกลุ่มร่วมด้วยช่วยกัน แสดง “ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว” อย่างฉลาด และกล้าใช้มวลสีสดให้กับแต่ละรูปทรงบนพื้นสีดำ ขับเน้นให้ความสดใสของสีของผู้มีอิทธิฤทธิ์แต่ละตนโดดเด่นยิ่งขึ้น เป็นการใช้ความจัดและการตัดกันของสีแต่ละสีสร้างความสะดุดตา การรวมตัวครั้งนี้เป็นการยื้อสู้กับสิ่งที่เรามองไม่เห็นที่อยู่ข้างหน้าซึ่งอยู่นอกขอบเขตของภาพ ทำให้เกิดเสน่ห์และเป็นปลายเปิดให้ผู้ชมได้จินตนาการ เป็นภาพที่แสดงประเด็นความสามัคคีได้คมชัด

 



นายทองไมย์ เทพราม ได้รับเงินรางวัลจำนวน 750,000 บาท และจะเป็นตัวแทนจากประเทศไทยเข้าแข่งขันกับประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ เพื่อชิงรางวัลระดับภูมิภาค UOB Southeast Asian Painting of the Year พร้อมจัดแสดงผลงาน ณ หอศิลป์ยูโอบี ณ ธนาคารยูโอบี สำนักงานใหญ่ ประเทศสิงคโปร์ และโอกาสที่จะได้รับคัดเลือกเข้าร่วมเป็นศิลปินในพำนัก (artist in residence) กับพิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชีย ฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น (Fukuoka Asian Art Museum) เป็นเวลา 1 เดือน


สำหรับประเภทศิลปินใหม่หรือสมัครเล่น ผู้ชนะเลิศได้แก่ นายธนพล ดาทุมมา อายุ 22 ปี จากผลงานเย็บปักวัสดุบนผ้ากำมะหยี่ที่มีชื่อว่า สีสันขบวนเเห่นาคในยุคโควิด-19 ศิลปินได้แรงบันดาลใจจากภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาของโควิด-19 ที่ไม่ว่าจะไปไหนก็จะเจอผู้คนใส่หน้ากากอนามัยทำกิจกรรมต่างๆ ความโดดเด่นของผลงานชิ้นนี้คือการแสดงออกทางอารมณ์ความรู้สึกที่สนุกสนานมีชีวิตชีวา โดยนำเสนอเรื่องราวผ่านขบวนแห่นาคซึ่งเป็นประเพณีวัฒนธรรมของชาวพุทธ ศิลปินมีความสามารถในการใช้เทคนิค วัสดุ และควบคุมโครงสีได้เป็นอย่างดี เห็นได้จากวิธีการปักเย็บและการคัดเลือกแพรพรรณที่ใช้ พร้อมกับแสดงถึงวิถีชีวิตคนไทยในชนบทอีสานแม้เกิดวิกฤตโรคระบาด

 

นายธนพล เล่าวว่า “ท่ามกลางสถานการณ์ที่น่าวิตกกังวล แต่ก็ยังสามารถเห็นรอยยิ้มของคนไทยได้อยู่เสมอ ซึ่งการที่ทุกคนสามารถออกมาทำกิจกรรมร่วมกันได้ตามปกติเช่นนี้ ก็เพราะความร่วมมือร่วมใจกันปรับตัว ปรับเปลี่ยนและป้องกัน ปีนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ได้ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดจิตรกรรมยูโอบี รู้สึกดีใจมากที่ได้รับรางวัลนี้และตื่นเต้นที่ผลงานจะได้ไปแสดงที่สิงคโปร์”

 



นิทรรศการแสดงผลงานของผู้ได้รับรางวัลจากการประกวดจิตรกรรมยูโอบี ครั้งที่ 11

ผลงานที่ได้รับรางวัลในการประกวดจิตรกรรมยูโอบี ประจำปี 2563 จะจัดแสดงที่ห้องจรัส ชั้น 3 (ทางเชื่อมรถไฟฟ้าบีทีเอส) หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) ระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน – 13 ธันวาคม 2563 จัดแสดงที่ธนาคารยูโอบี สำนักงานใหญ่ ถนนสาทรใต้ ระหว่างวันที่ 14 ธันวาคม 2563 – 31 มกราคม 2564 และจัดแสดงที่ธนาคารยูโอบี สำนักงานเพชรเกษม ระหว่างวันที่ 1 – 28 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้สนใจสามารถเข้าชมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

 

การประกวดจิตรกรรมยูโอบี (UOB Painting of the Year) นับเป็นการประกวดงานศิลปะที่ยาวนานที่สุดในประเทศสิงคโปร์และเป็นหนึ่งในการประกวดจิตรกรรมที่ทรงเกียรติที่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ธนาคารยูโอบีมุ่งให้การสนับสนุนและค้นพบศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะอันทรงคุณค่าในภูมิภาคอาเซียน

เสมา 3 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพร้อมมอบนโยบายโรงเรียนการศึกษาเด็กตาบอดพิการซ้ำซ้อน ชะอำ

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) ลงพื้นที่โรงเรียนการศึกษาเด็กตาบอดพิการซ้ำซ้อน ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมการจัดการเรียนการสอน พร้อมมอบนโยบายการจัดการศึกษา โดยมีนายธฤติ ประสานสอน รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน นายสมสันต์  ลือกำลัง ศึกษาธิการจังหวัดเพชรบุรี นายชวลิต จงเจริญชัยสกุล ประธานกรรมการดำเนินงานมูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในพระบรมราชูปถัมภ์ สาขาจังหวัดเพชรบุรี นายชนกภัทราณัฐ ข้าวหอม ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ เจ้าหน้าที่ บุคลากร และนักเรียน ให้การต้อนรับ




นางกนกวรรณ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินงานเพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาพิเศษของโรงเรียนเอกชนในระยะต่อไปนั้น ตนมีความตั้งใจในเรื่องของการให้องค์ความรู้ด้านการจัดการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนพิการแต่ละประเภท การส่งเสริมการสร้างงานและอาชีพให้กับนักเรียนพิการ การดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนการศึกษาพิเศษ การจัดการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนพิการในโรงเรียนเรียนรวม การเพิ่มศักยภาพของบุคลากรและการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงานของคณะทำงานเครือข่ายการศึกษาพิเศษของโรงเรียนเอกชนประจำจังหวัด เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะรับการมอบอำนาจจากศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัด การทบทวนกฎระเบียบเกี่ยวกับการอุดหนุนโรงเรียนนักเรียนและครูให้เทียบเท่าโรงเรียนภาครัฐ รวมทั้งการสำรวจความต้องการสื่อการเรียนการสอนเฉพาะความพิการ และพิจารณาให้การอุดหนุนแก่โรงเรียนการศึกษาพิเศษ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของนักเรียนพิการแต่ละประเภท ต่อไป





แม็คโคร ผุดโมเดลเกษตรยั่งยืน หนุนผู้เลี้ยงวัวไทย ผลิตเนื้อพรีเมียม ชูจุดแข็งตลาดนำการผลิต ปรับระบบการเลี้ยง สร้างรายได้เพิ่มกว่า 2 หมื่นต่อตัว

          บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ผุดโมเดลเกษตรกรรมยั่งยืน ส่งเสริมผู้เลี้ยงโคเนื้อ ปรับวิธีเลี้ยงแบบขุน ปรับสูตรอาหารสัตว์และสภาพแวดล้อม รับความต้องการบริโภคเนื้อวัวพรีเมียมเติบโต ด้วยการเชื่อมโยงตลาดผ่านสาขาของแม็คโครสู่ผู้ประกอบการร้านอาหาร เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรมากกว่า 20,000 บาทต่อตัว พร้อมวางแผนการตลาดและพัฒนาร่วมกันอย่างต่อเนื่องภายใต้กลยุทธ์ การตลาดนำการผลิต 

นางศิริพร เดชสิงห์
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร
บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)


          นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า  ด้วยกระแสความนิยมบริโภคเนื้อวัวคุณภาพที่มีลายไขมันแทรก หลังจากธุรกิจร้านอาหารประเภทชาบู ปิ้งย่าง หมูกระทะ เติบโตเป็นอย่างมาก ทำให้แม็คโครมองเห็นโอกาสในการพัฒนาเนื้อวัวของไทยให้เข้าสู่ตลาดพรีเมียม โดยทำงานร่วมกับกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุนทั่วประเทศและกรมปศุสัตว์  ยกระดับการเลี้ยงขุนโดยให้ทานอาหารที่ปรับสูตรอย่างเหมาะสมและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ทำให้วัวมีไขมันแทรกในชั้นกล้ามเนื้อมาก ซึ่งเป็นไขมันดี มีรสชาติที่ดีเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค 


          “แม็คโครทำงานร่วมกับเกษตรกรและกรมปศุสัตว์ อย่างสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมโคเนื้อไทยทั้งระบบ เพื่อให้เกิดรูปแบบการทำเกษตรกรรมยั่งยืน โดยแม็คโครได้นำความเชี่ยวชาญด้านการตลาด ความต้องการของผู้บริโภค ผู้ประกอบการร้านอาหาร มาพัฒนาสินค้าร่วมกันภายใต้แบรนด์ ‘โปรบุชเชอร์’ ซึ่งมีกระแสการตอบรับที่ดีและได้รับการบอกต่อในโลกโซเชียลถึงรสชาติ ความนุ่ม ทำให้เนื้อพรีเมียมของไทยมีสัดส่วนการขายและอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

นายวิบูลย์ ไวยสุระสิงห์
เจ้าของสุระสิงห์ฟาร์ม และประธานสหกรณ์เครือข่ายโคเนื้อ จำกัด


          ด้าน นายวิบูลย์ ไวยสุระสิงห์ เจ้าของสุระสิงห์ฟาร์ม และประธานสหกรณ์เครือข่ายโคเนื้อ จำกัด กล่าวว่า ทิศทางโคเนื้อโดยรวมยังสดใส และมีทิศทางที่ดี โดยเฉพาะการนำโคเนื้อลูกผสมสายพันธุ์ยุโรปมาเข้าสู่ระบบการเลี้ยงขุนเพื่อให้มีอัตราการเจริญเติบโตในระยะเวลาที่กำหนด ให้ได้คุณภาพเนื้อที่มีความนุ่ม มีไขมันแทรก เหมาะสำหรับทำสเต็ก อาหารเกาหลี อาหารญี่ปุ่น ซึ่งในกลุ่มนี้ ตลาดมีความต้องการประมาณปีละ 500,000 ตัว สำหรับที่ฟาร์มสุระสิงห์ จะซื้อวัวอายุปีกว่าๆ จากเกษตรกรมาขุนต่อ และให้กินอาหารตามสูตรที่คำนวณไว้ จากนั้นจะคัดตัวเลือกวัวที่มีลักษณะดี ไปเลี้ยงต่อในโรงเรือนระบบปิด (Evaporative Cooling Systems) หรือ Evap เพื่อเลี้ยงต่ออีก 3-4 เดือน ในอุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส เพื่อให้มีน้ำหนักประมาณ 600-800 กิโลกรัมต่อตัว และทำให้เกิดรายได้กับเกษตรกรเพิ่มขึ้นจากเดิมมากกว่า 20,000 บาทต่อตัว


“ต้องขอขอบคุณแม็คโครที่ช่วยพลิกวิกฤติเป็นโอกาส โดยเข้ามาช่วยรับซื้อผลผลิตในช่วงวิกฤติโควิด-19 ทำให้เกษตรกรมีรายได้”  

          ทั้งนี้ แม็คโครได้ให้การสนับสนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุนไทยกว่า 5,000 ครัวเรือน เพื่อพัฒนาสู่ตลาดเนื้อพรีเมียม โดยนำเนื้อโคขุนไทยแองกัส และไทยวากิว ที่มีลายไขมันแทรก (Marbling Score)  MS4+, MS5+ ซึ่งเป็นเนื้อคุณภาพดีมาจำหน่าย รองรับกระแสความนิยมในการบริโภคเนื้อวัวของคนไทยที่มีอัตราการบริโภคเฉลี่ย 2.7 กิโลกรัมต่อคนต่อปี และมีแนวโน้มการบริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง



          นางศิริพร กล่าวอีกว่า “ตลาดของเนื้อวัวพรีเมียมยังมีการเติบโตอีกมาก แม็คโครได้วางแผนส่งเสริมการขาย การพัฒนาต่อยอดสินค้า ร่วมกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุนไทยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้จัดโปรโมชั่น ‘แม็คโคร แหล่งรวมเนื้อคุณภาพ (Beef Destination)’ เพื่อให้ลูกค้าทุกกลุ่มเข้าถึงเนื้อวัวพรีเมียมคุณภาพดี มีความหลากหลาย ราคาเข้าถึงง่าย ทุกสาขาทั่วประเทศ”

ยิ่งใหญ่ประจำปี!! “ภูมิพลังแผ่นดิน” น้อมรำลึกในหลวง ร.9 นักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรม 3 – 6 ธันวาคมนี้ ที่พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ จ.ปทุมธานี


          พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ เตรียมจัดงานใหญ่มหกรรมภูมิพลังแผ่นดิน ระหว่างวันที่ 3 – 6 ธันวาคม 2563 เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ สดุดีพระเกียรติคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเชิดชูเกียรติยศในฐานะที่ทรงเป็นนักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรม ณ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ นวนคร จ.ปทุมธานี

นางสาวสมพิศ  วงศ์ปัญญา
รองผู้อำนวยการ (ฝ่ายบริหาร)
รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
          นางสาวสมพิศ  วงศ์ปัญญา รองผู้อำนวยการ (ฝ่ายบริหาร) รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กล่าวว่า “การจัดงานมหกรรมภูมิพลังแผ่นดินถือเป็นงานใหญ่ประจำปีที่พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ จัดขึ้นเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเผยแพร่พระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาทรัพยากรดินเพื่อการเกษตร และในปีนี้สมัชชาความร่วมมือทรัพยากรดินโลก (Global Soil Partnership : GSP) ได้กำหนดหัวข้อการจัดงานวันดินโลก “Keep soil alive, protect soil biodiversity : รักษ์ปฐพี คืนชีวีที่หลากหลายให้ผืนดิน” ภายในงานจัดแสดงนิทรรศการเทิดพระเกียรติฯ อาทิ นิทรรศการรักษ์ปฐพี คืนชีวีที่หลากหลายให้ผืนดิน นิทรรศการภูมิพลังแผ่นดิน แผ่นดินนี้มีพลัง นิทรรศการรักแผ่นดินตามรอยพ่อ 


โดยความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน พี่น้องเครือข่ายพิพิธภัณฑ์เกษตรฯ เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระปรีชาสามารถด้านการพัฒนาและอนุรักษ์ทรัพยากรดินมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการจัดอบรม แลกเปลี่ยนเรียนรู้ศาสตร์พระราชาอบรมวิชาของแผ่นดิน และอบรมเชิงปฏิบัติการกว่า 30 หลักสูตร อาทิ หลักสูตรเกษตรแปลก แหวกแนว โดยอาจารย์ปา ไชยปัญหา หลักสูตรเกษตรสวนทาง สร้างรายได้ โดยอาจารย์วีรยุทธ ศรีเลอจันทร์ หลักสูตรพลังแผ่นดิน พลังชีวิต โดยอาจารย์ไพโรจน์ อรรคสีวร เป็นต้น ชม ช้อป สินค้าเกษตรอินทรีย์จากเกษตรกรในตลาดนัดเศรษฐกิจพอเพียงกว่า 300.บูธ  



พิเศษ วันที่ 5 ธันวาคม 2563 เวลา 07.00 น. ร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุสงฆ์ 89 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ และตอนเย็นในวันเดียวกันนี้ เชิญรับชมคอนเสิร์ตเทิดพระเกียรติฯ บรรเลงบทเพลงด้วยเสียงขลุ่ยแห่งความคิดถึง โดยอาจารย์ ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ศิลปินแห่งชาติ พร้อมด้วยกิจกรรมอีกมากมายตลอดทั้ง 4 วัน”


          นิทรรศการรักษ์ปฐพี คืนชีวีที่หลากหลายให้ผืนดิน นำเสนอพระอัจฉริยภาพด้านการจัดการดินของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร การใช้พืชบำรุงดิน ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากการน้อมนำพระราชดำริมาใช้ในการปลูกพืชบำรุงดิน และกิจกรรมแจกเมล็ดพันธุ์ถั่วพร้าและเมล็ดปอเทืองให้กับผู้เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการ


           นิทรรศการภูมิพลังแผ่นดิน แผ่นดินนี้มีพลัง จัดแสดงโมเดลทางรอดเมื่อเจอวิกฤติกับ 8 โมเดล 8

           ฐานการเรียนรู้ เช่นภูมิสังคม “วิถีบ้านบ้าน”.ภูมิสังคม “เกษตรคนเมือง”เกษตรทฤษฎีใหม่ตามภูมินิเวศ ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง  บอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตความเป็นอยู่ผ่านปัจจัย 4 ในการดำรงชีวิต การน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้สู่การพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนจากพี่น้องเครือข่ายพิพิธภัณฑ์เกษตรฯ ที่ผนึกกำลังมาถ่ายทอดประสบการณ์


          นิทรรศการรักแผ่นดินตามรอยพ่อ นิทรรศการที่นำเสนอพระเกียรติคุณพระอัจฉริยภาพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผ่านหน่วยงานภาคีความร่วมมือ อาทิ สถานีพัฒนาที่ดินปทุมธานี สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริศูนย์ศึกษาพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นต้น


          นิทรรศการสื่อดิจิทัล “พิพิธภัณฑ์ยุคใหม่ ขับเคลื่อนด้วยสื่อดิจิทัล”เพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณ   และพระอัจฉริยภาพ พระมหากษัตริย์ไทย ด้านการเกษตร และถ่ายทอดองค์ความรู้ผ่านโลกดิจิทัลสู่สาธารณชน ในวงกว้างมากยิ่งขึ้นด้วยรูปแบบสื่อออนไลน์ ผ่าน 12 รายการในรูปแบบที่สนุกสนาน เข้าใจง่าย พร้อมสอดแทรกองค์ความรู้ในรูปแบบที่หลากหลายเพื่อให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มวัยด้วยเชื่อว่าความดีงามนั้นสืบทอดได้ มาร่วมกันสืบสานรักษา ต่อยอด พระราชปณิธานแห่งความพอเพียงที่พิพิธภัณฑ์การเกษตร แหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้เกษตรเศรษฐกิจพอเพียงสำหรับทุกคนในครอบครัว


          ลดราคาพิเศษ! เปิด 4 พิพิธภัณฑ์ในอาคาร ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ในหลวงรักเรา พิพิธภัณฑ์มหัศจรรย์พันธุกรรม พิพิธภัณฑ์ป่าดงพงไพร และพิพิธภัณฑ์ดินดล พร้อมด้วยภาพยนตร์แอนิเมชั่น 3 มิติ 6 เรื่อง 6 รอบ สนุกครบรส ตื่นตา ตื่นใจทะลุจอ


          ชม ช้อป สินค้าเกษตรปลอดภัย ผัก ผลไม้ สดใหม่จากสวน ผลิตภัณฑ์แปรรูปคุณภาพจากเครือข่ายเกษตรกรและภาคีความร่วมมือ ที่นำมาจำหน่ายให้ผู้เข้าร่วมงานได้เลือกซื้อกลับบ้านในราคามิตรภาพ 


          ลด ละ เลิก การใช้ถุงพลาสติก ด้วยการนำถุงผ้ามาช้อป ตะกร้ามาใส่ของ พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรม “เพาะ แจก แลก เปลี่ยน” นำภาชนะเหลือใช้ ถุงพลาสติก แก้วน้ำมาเพาะกล้าไม้กลับไปดูแลต่อที่บ้าน พร้อมกิจกรรมสีสันงานวัด เช่น ประคบทอง แม่นจริงยิงหนู ปาโป่งหรรษา แต่งแต้มสีตุ๊กตา เป็นต้น




          นางสาวสมพิศ  วงศ์ปัญญา กล่าวทิ้งท้ายว่า “ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน เยาวชน และผู้ที่สนใจ ร่วมเรียนรู้ศาสตร์พระราชา สืบสาน รักษา ต่อยอดจากในหลวงรัชกาลที่ 9 สู่ในหลวงรัชกาลปัจจุบันที่ทรงพระราชทานความช่วยเหลือต่างๆ แก่พสกนิกรชาวไทย สืบทอดพลังแห่งความดีผู้ทรงเป็นดั่งกำลังของแผ่นดินพลังของปวงชนชาวไทย ระหว่างวันที่ 3 – 6 ธันวาคม 2563 เวลา 08.00 – 17.00 น. ณ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯจ.ปทุมธานี”

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 02-529-2212-13, 087-359-7171, 094-649-2333 คลิกดูรายละเอียดได้ที่ www.wisdomking.or.th หรือ facebook : พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ  InstagramID: wisdomkingfan และLine ID : @wisdomkingfan

"ดร.เอนก" รมว.อว. ตรวจเยี่ยม วช. และชมงานวิจัยกว่า 70 ผลงาน


          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตรวจเยี่ยมสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) พร้อมมอบนโยบายและเยี่ยมชมนิทรรศผลงานวิจัยกว่า 70 ผลงาน เช่น การเฝ้าระวังและเตือนภัยปัญหาหมอกควัน ระบบหุ่นยนต์เคลื่อนที่ลำเลียงและเวชภัณฑ์ และโครงการประเมินผลกระทบของโควิด – 19 ต่อสังคมและเศรษฐกิจ





ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม


          ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตรวจเยี่ยมสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 ณ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และเยี่ยมชมนิทรรศการงานตามนโยบายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ( อว.) อันเป็นผลการดำเนินงานการบริหารทุนวิจัยและนวัตกรรม และกิจกรรมตามภารกิจของ วช. พร้อมทั้งมอบนโยบายการดำเนินงานให้แก่ วช. โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ พร้อมด้วย ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ วช. และคณะนักวิจัยให้การต้อนรับ




ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง
รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ 


          สำหรับนิทรรศการงานตามนโยบายกระทรวง อว. จากการบริหารทุนวิจัยและนวัตกรรมตามภารกิจของ วช. มีจัดแสดงกว่า 70 ผลงาน ได้แก่ ผลงานวิจัยภายใต้แพลตฟอร์มโจทย์ท้าทายทางสังคมในกลุ่มโจทย์ท้าทายด้านทรัพยากร สิ่งแวดล้อมและการเกษตร ได้แก่ การเฝ้าระวังและเตือนภัยปัญหาหมอกควัน โดยเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศระบบเซ็นเซอร์ Dustboy ในประเทศไทย ระยะที่ 3 กลุ่มสังคมสูงวัย ได้แก่ ระบบหุ่นยนต์เคลื่อนที่ลำเลียงยาและเวชภัณฑ์ การติดตั้งและทดสอบระบบเตียงพลิกตะแคงอัตโนมัติพร้อมโปรแกรมสมาร์ทเบดสำหรับผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ กลุ่มสังคมคุณภาพและความมั่นคง ได้แก่ โครงการประเมินผลกระทบของโควิด – 19 ต่อสังคมและเศรษฐกิจ ชุดแผนงานครอบครัวไทยไร้ความรุนแรง