วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2563

CP FreshMart ฉลองเปิดสาขาแรก "รวมพลความสด คุณภาพดี" เสิร์ฟชาวเชียงใหม่

นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายชลากร อัศวอิทธิฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท 
ซีพีเอฟ เทรดดิ้ง จำกัด ดูแลร้านซีพี เฟรชมาร์ท ในพื้นที่เขตภาคเหนือตอนบน ร่วมเปิดร้านซีพี เฟรชมาร์ท สาขาหางดง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นร้านรูปแบบใหม่สาขาแรกของจังหวัด ที่มีความทันสมัยตอบรับวิถีปกติใหม่ หรือ New Normal ด้วยแนวคิด "สดทุกวัน ส่งถึงคุณ" รวมพลความสด คุณภาพดี ในราคาเป็นกันเอง พร้อมให้บริการส่งถึงบ้าน เพิ่มความสะดวกในทุกมื้อดีๆ ของทุกๆ วัน

“ในวิถีปกติใหม่คนนิยมที่ปรุงอาหารทานที่บ้านมากขึ้น และยังต้องการความสะดวกและผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพ สด สะอาด ปลอดภัย CP FreshMart ซึ่งเป็นมินิซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ใกล้ชุมชน ได้นำสินค้าสดที่หลากหลาย ด้วยแนวคิดสดทุกวัน ส่งถึงคุณ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ ตอบสนองมาตรการระยะห่างทางสังคมและลดโอกาสการแพร่เชื้อ โดยในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนได้ทยอยเปิดสาขาอย่างต่อเนื่องในหลายจังหวัด เช่น เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน และกำลังจะเปิดในตัวเมืองแพร่เร็วๆ นี้ ตั้งเป้า 30 สาขาภายในสิ้นปีนี้” นายชลากร กล่าว

ร้าน CP FreshMart โฉมใหม่ มินิซูเปอร์มาร์เก็ตที่รวมอาหารสด สะอาด ปลอดภัย คุณภาพดี ทั้งหมูสด ไก่สด เนื้อโคขุนและกุ้งสดพรีเมียม ที่ส่งตรงจากฟาร์มทุกวัน พร้อมเสิร์ฟสถานีชาบู-หมูกระทะ ที่มีทั้งเนื้อหมู-เนื้อไก่ปรุงรส ลูกชิ้นหลากหลายประเภท และยังมีอาหารทะเลด้วย โดยสินค้าจะเก็บรักษาคุณภาพด้วยตู้แช่เย็น เทคโนโลยีใหม่ระบบ Double Cooling ที่มีการกระจายความเย็นได้ทั้งด้านบนและด้านล่างควบคู่กัน ช่วยรักษาคงความสดใหม่ของสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญยังเป็นระบบ Eco friendly ใช้พลังงานน้อย ขณะเดียวกัน ยังมีผักและผลไม้สดนานาชนิด อาหารพร้อมปรุง อาหารพร้อมทาน และอาหารแห้ง รวมถึงเครื่องปรุงต่างๆ และเครื่องดื่มอย่างครบครัน เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบันกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

สำหรับ CP FreshMart สาขาหางดง เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 6.00-21.00 น. พร้อมจัดโปรโมชั่นและสินค้าราคาพิเศษมากมาย นอกจากนี้ ยังให้บริการสั่งซื้อผ่านโทรศัพท์ 095-371-4364 โดยร้านจะจัดส่งอาหารในรัศมี 5 กิโลเมตร ให้ถึงมือผู้รับภายในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งเป็นการตอบโจทย์วิถีปกติใหม่ได้อย่างลงตัว




กรมพัฒนาที่ดินตั้งเป้าฟื้นฟูทรัพยากรดินกว่า 2 ล้านไร่ต่อปี ช่วยเกษตรกรมีที่ดินทำกินอย่างปลอดภัยและยั่งยืน

 


    นางสาวเบญจพร ชาครานนท์ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า การผลักดันเกษตรกรรมปลอดภัยเป็นหนึ่งในนโยบายขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รวมถึงยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรกรรม 20 ปี ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมพัฒนาที่ดินที่มีภารกิจหลักด้านการรักษา ปรับปรุง ฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรดินซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญในการผลิตอาหาร 

ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่าและยั่งยืน จึงได้กำหนดนโยบายดำเนินการพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาทรัพยากรดิน โดยมีเป้าหมายสำคัญสูงสุดคือการใช้ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมมีความมั่นคง พื้นที่ได้รับการพัฒนาไม่น้อยกว่า 2 ล้านไร่/ปี เกษตรกรได้รับการพัฒนา 6 แสนราย สำหรับแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายมีด้วยกัน 6 ด้าน ได้แก่ 

1.การกำหนดเขตการใช้ที่ดิน โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ที่ดินในพื้นที่เกษตรกรรมสำหรับปลูกพืชให้เหมาะสมกับศักยภาพของดิน แบ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในพื้นที่เหมาะสม (S1) กว่า 2 ล้านไร่ และปรับเปลี่ยนการผลิตในพื้นที่ไม่เหมาะสม (S3 และ N) ไม่น้อยกว่า 1 แสนไร่/ปี ภายใต้โครงการบริหารจัดการการผลิตสินค้าเกษตรตามแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Zoning by Agri-Map) 

2.การบริหารจัดการเชิงพื้นที่เพื่อป้องกันและบรรเทาภัยแล้ง แบ่งเป็นมาตรการเพิ่มแหล่งน้ำต้นทุนเพื่อเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำ โดยการขุดสระน้ำในไร่นานอกเขตชลประทานกว่า 5 แสนบ่อ และการรักษาความชื้นในดินด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ไม่น้อยกว่า 2  แสนไร่ และปลูกหญ้าแฝกกว่า 8 แสนไร่/ปี 3.เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ที่ดินและเสริมสร้างอาชีพให้เกษตรกรในพื้นที่ดินที่มีข้อจำกัดทางการเกษตร เช่น ดินเปรี้ยว ดินเค็ม ดินกรด โดยสนับสนุนความรู้ทางวิชาการ ปัจจัยการผลิตและวัสดุปรับปรุงบำรุงดิน เทคโนโลยีชีวภาพด้านการพัฒนาที่ดิน 

4.สร้างเครือข่ายความเข้มแข็งของกลุ่มเกษตรกร ด้วยการใช้นวัตกรรมการพัฒนาที่ดิน เพื่อลดต้นทุนการผลิต ส่งเสริมการผลิตเกษตรอินทรีย์ รณรงค์ให้เกษตรกรไถกลบตอซังแทนการเผาเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุในดิน 

5.พัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมให้สามารถถ่ายทอดสู่เกษตรกรนำไปใช้ได้จริง แก้ปัญหาดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเกษตรกรลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และใช้ที่ดินอย่างถูกต้องเหมาะสม 

6.Big Data & AI กรมพัฒนาที่ดิน ดำเนินการพัฒนาฐานข้อมูลและการใช้ที่ดินให้เป็น Big Data และพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่และเกษตรกร 

อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์โลกในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การระบาดของโรคอุบัติใหม่จากเชื้อไวรัสโคโรน่า (โควิด-19) ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารไม่เพียงแต่ลดทอนความสามารถในการผลิตอาหาร ยังส่งผลต่อความสามารถในการเข้าถึงอาหารของประชากรโลก ดังนั้น กระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาทรัพยากรดิน การพัฒนาที่ดิน จึงถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาสภาพดินเสื่อมโทรม ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ และเป็นกลไกที่จะทำให้การพัฒนาการเกษตรเกิดความยั่งยืนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ประชาชน เกษตรกรและภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง













อ.ต.ก. จับมือ สคช. จัดทำมาตรฐานอาชีพให้เกษตรกร ผู้ค้า ผู้จัดจำหน่าย ยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรสู่เกรดพรีเมียมทั่วไทย

 


นายนคร ศิลปอาชา ประธานกรรมการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เปิดเผยถึง การลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่างสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (สคช.) กับองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ในการพัฒนาผู้ประกอบอาชีพในเครือข่ายของ อ.ต.ก. ว่า ความร่วมมือกันระหว่าง สคช.กับอ.ต.ก.ในครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบอาชีพที่มีทั้งผู้ผลิต ผู้คัดแยก ผู้จัดจำหน่ายผลิตผลทางการเกษตร ให้ได้เรียนรู้ เพิ่มสมรรถนะการทำงานให้ตรงตามมาตรฐานอาชีพ ร่วมกันถ่ายทอดความรู้การคัดเกรดผลไม้ระดับพรีเมียม ไปยังเกษตรกร ล้ง และผู้จำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าทางการเกษตรให้มากขึ้น 

เป็นที่ทราบกันดีกว่า ตลาด อ.ต.ก.ได้รับการคัดเลือกให้เป็นตลาดสดที่ดีที่สุดติด 1 ใน 10 ของโลก สินค้าที่ขายในตลาด อ.ต.ก.มีคุณภาพและราคาที่มาตรฐานอยู่แล้ว แต่หากผู้ประกอบอาชีพในเครือข่ายของ อ.ต.ก.ได้รับการพัฒนาศักยภาพในการผลิตและคัดแยกสินค้าให้ได้มาตรฐานมากขึ้น ก็จะยิ่งมีมูลค่าเพิ่ม ผู้บริโภคก็ยินดีจ่ายเงินซื้อสินค้าในราคาสูงขึ้นเพราะคุณภาพคุ้มค่ากับราคา เรียกว่าผู้บริโภคได้ของดีมีคุณภาพ พ่อค้าแม่ค้าก็ขายของได้ราคาดี เศรษฐกิจภาครวมของประเทศก็เติบโตขึ้นด้วย

ด้านนายศุภฤกษ์ เอี่ยมละออ กรรมการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร รักษาการแทนในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร กล่าวว่า อ.ต.ก. และ สคช. จะช่วยกันส่งเสริมเกษตรกร สร้างตลาดคุณภาพให้กับผู้ผลิต ผู้คัดแยก ผู้จัดจำหน่าย ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเกษตรกรและผลผลิตที่มีคุณภาพ แต่แหล่งจำหน่ายที่มีคุณภาพก็สำคัญมากเช่นกัน ความร่วมมือที่เกิดขึ้นจะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ ที่สำคัญ อ.ต.ก. มีผู้จัดจำหน่ายคุณภาพ อย่าง เจ๊นิด เจ้าของร้านน้องนิด ระยอง ทุเรียนปลอดสาร ที่ขายทุเรียนสร้างรายได้มูลค่ากว่า 20 ล้านบาทต่อปี มีคุณจำรูญ นิลเต่า ประธานวิสาหกิจชุมชนผลิตผลไม้ปลอดภัย บ้านรางสีหมอก จ.ราชบุรี ที่เป็นหนึ่งในเกษตรกรโครงการ Best Of Ortorkor พร้อมจะถ่ายทอดความรู้ ทักษะการคัดแยก และวิธีการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า โดยมีตลาด อ.ต.ก. ซึ่งเป็นตลาดที่ได้มาตรฐาน ผู้ซื้อมีกำลังซื้อ และพร้อมซื้อสินค้าคุณภาพ เมื่อเราสามารถทำให้เกษตรกรผลิต คัดแยกของคุณภาพ ก็สามารถนำมาขายในตลาดคุณภาพได้ จะช่วยเกษตรกรขายสินค้าได้ในราคาสูง และเป็นช่องทางต่อยอดเรื่องตลาดคุณภาพจำหน่ายสินค้าพรีเมียม กระจายไปยังทั่วประเทศอีกด้วย

ทั้งนี้ การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาผู้ประกอบอาชีพในเครือข่ายขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร เป็นการสนับสนุนและสร้างโอกาสให้เกษตรกร สถาบันเกษตรกรที่อยู่ในเครือข่ายของ อ.ต.ก. โดย สคช.จะดำเนินการส่งเสริม สนับสนุน ประเมิน จัดทำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพหรือมาตรฐานสมรรถนะ สำหรับรองรับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเครือข่าย อ.ต.ก. เพื่อให้เป็นองค์กรที่มีหน้าที่รับรองสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ โดยมอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ หนังสือรับรองมาตรฐานอาชีพหรือหนังสือรับรองมาตรฐานสมรรถนะให้แก่ผู้ผ่านการประเมิน ภายใต้หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข ที่กำหนด เช่น ด้านการจัดจำหน่ายผลิตผลทางการเกษตร ด้านการคัดแยกผลิตผลทางการเกษตร เป็นต้น มีการให้คำปรึกษา คำแนะนำในการพัฒนาอาชีพและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิต การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ การบริหารจัดการ ระบบการเงิน ระบบขนส่ง และช่องทางการส่งเสริมการตลาด การจัดกิจกรรมอบรมสัมมนา กิจกรรมส่งเสริมช่องทางการตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ ตลอดจนด้านอื่นๆที่จำเป็น นำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ ส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม









ชวนนักท่องเที่ยวรุ่นใหญ่ ซิลเวอร์เอจ ไปเที่ยวหมู่บ้านเล็ก ๆ ใน “ชนบท” ด้วยกัน กับแคมเปญ “ชนบทที่รัก Silver Age 5.0”


           31 สิงหาคม 2563 ชั้น 11 ห้องเมย์แฟร์บอลรูม เอบี โรงแรม เดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ, กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคัล จำกัด (มหาชน) สายการบินไทยสมายล์ สายการบินไทย แอร์เอเชีย เปิดตัวแคมเปญ “ชนบทที่รัก” Silver Age 5.0 ชู 16 ชุมชนวัฒนธรรมที่สร้างสรรค์สำหรับกลุ่มซิลเวอร์เอจ เชิญคนดังหลากหลายวงการร่วมโปรโมตชุมชนเตรียมพร้อมรองรับนักเดินทางรุ่นใหญ่ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ


  นางสาวอัจฉราพร พงษ์ฉวี รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า “กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกับโครงการ Thailand Village Academy Season 2 ได้คัดเลือกแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมในชุมชนมาออกแบบสร้างสรรค์ใหม่ให้ตอบโจทย์ความสนใจของกลุ่มซิลเวอร์เอจ เช่น ออกแบบกิจกรรม ออกแบบเมนูอาหาร ของว่าง เครื่องดื่ม ให้สอดคล้องความต้องการของกลุ่มซิลเวอร์เอจ เพื่อกระตุ้นหรือจูงใจให้คนวัย ซิลเวอร์เอจเดินทางท่องเที่ยวไปยังชนบทอย่างมีความสุขและประทับใจ ทั้งนี้ ชุมชนท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่ได้รับการพัฒนายกระดับเป็นชุมชนท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมสำหรับนักเดินทางรุ่นใหญ่วัย“ซิลเวอร์เอจ” มี 16 ชุมชน ประกอบด้วย

1)       กลุ่มวิสาหกิจวนเกษตรดงเย็น จ.สุพรรณบุรี



2)      ชุมชนบ้านริมคลองโฮมสเตย์ จ.สมุทรสงคราม












3)       ชุมชนแหลมผักเบี้ย (ท่องเที่ยวชุมชนบ้านดอนใน) จ.เพชรบุรี


4)       ชุมชนตะเคียนเตี้ย จ.ชลบุรี


5)       ชุมชนท่องเที่ยวบ้านทะเลน้อย ระยองฮิ จ.ระยอง


6)       วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวประแสโฮมสเตย์ จ.ระยอง


7)       ชุมชนบ้านโคกเมือง จ.บุรีรัมย์



8)       วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเขมราฐ ลุ่มน้ำโขง จ.อุบลราชธานี



9)       ชุมชนศิลาเพชรโฮมสเตย์ จ.น่าน



10)     ท่องเที่ยวชุมชนปางห้าโฮมสเตย์ จ.เชียงราย



11)     โฮมสเตย์บ้านท่าขันทอง จ.เชียงราย



12)     ชุมชนไตลื้อเมืองลวงเหนือ จ.เชียงใหม่



13)     กลุ่มชุมชนลีเล็ดนำเที่ยวเพื่อการอนุรักษ์ จ.สุราษฎร์ธานี



14)     วิสาหกิจกลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านแหลมโฮมสเตย์ (บ้านหน้าทับ) จ.นครศรีธรรมราช



15)     วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านทุ่งหยีเพ็ง จ.กระบี่



16)     วิสาหกิจชุมชนโฮมสเตย์เพื่อการท่องเที่ยวชุมชนตะโหมด จ. พัทลุง



 


ขณะที่ นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า “กลุ่มซิลเวอร์เอจเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ทรงพลังที่สุดของยุคนี้ ชอบเที่ยวและหากิจกรรมทำเพื่อให้ชีวิตมีสีสันอยู่เสมอ เป็นกลุ่มที่สนใจวัฒนธรรมท้องถิ่น ชอบเสาะหาของกิน อาหารพื้นบ้าน  โหยหาความเป็นธรรมชาติ ต้องการสัมผัสบรรยากาศชนบท เพราะได้ย้อนวันวานนึกถึงความสุขสมัยยังเด็ก โครงการ“ชนบทที่รัก” ได้เชิญกลุ่มนักเดินทางท่องเที่ยวรุ่นใหญ่ “ซิลเวอร์เอจ” จากหลากหลายวงการเข้าร่วมผลักดันแคมเปญนี้ โดยออกเดินทางท่องเที่ยว ช่วยโปรโมตชุมชน 

 

คุณปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานกิตติมศักดิ์สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตัวแทนกลุ่มซิลเวอร์เอจ กล่าวว่า “การออกเดินทาง ท่องเที่ยวจะทำให้เรามีประสบการณ์ดี ๆ ร่วมกับเพื่อน ๆ ซึ่งจะมีคุณค่าและเพิ่มพลังให้กับชีวิตของเราค่ะ การได้ช่วยเหลือชุมชนก็เป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ  อยากให้ “ซิลเวอร์เอจ” ทุกคนออกเดินทางท่องเที่ยวกันเยอะ ๆ นะคะ”

 

คุณชาริตา ลีลายุทธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด ตัวแทนกลุ่มซิลเวอร์เอจ กล่าวว่า “ซิลเวอร์เอจ” เป็นวัยที่พร้อมทุกอย่าง เห็นโลกมากว้างไกล อยากให้ย้อนกลับมามอง ชุมชนของบ้านเรา มาเที่ยว มาเยี่ยมชุมชน มาสัมผัสวัฒนธรรม ให้เราได้พลังชีวิตกลับไปค่ะ”

 

คุณอัญชลี จรัสยศวุฒิชัย  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารกลุ่ม Transaction Banking Sales and Products สายงานบริหารจัดการทางการเงินเพื่อธุรกิจ บริษัทธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ตัวแทนกลุ่มซิลเวอร์เอจ กล่าวว่า “ท่องเที่ยวชุมชนมีครบรสจริง ๆ มีสิ่งที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยสัมผัสมาก่อน คนในชุมชนก็น่ารัก ทุกคนใส่ใจและมีความตั้งใจให้เราไปทำความรู้จักกับบ้านเขาจริง ๆ ตอบโจทย์การท่องเที่ยวค่ะ”

 

 คุณพิษณุ สว่างเนตร ผู้บริหาร บริษัทมหาภิรมย์ จำกัด (โรงแรมวิลลา มหาภิรมย์ เชียงใหม่) ตัวแทนกลุ่มซิลเวอร์เอจ กล่าวว่า “พอเราได้ยินคำว่าชนบท เรามักจะนึกถึงความล้าหลัง แต่พอเรามา “ชนบทที่รัก” กลับทำให้เรารู้ว่าชนบทนั้นเป็นที่ที่มีแต่ความรัก และหากออกเดินทางไปยังชนบทในประเทศของเรา คุณจะได้รับความรักกลับไปแน่นอนครับ”

คุณสุทธิพงษ์ สุริยะ ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต จังหวัดบึงกาฬ ตัวแทนกลุ่มซิลเวอร์เอจ กล่าวว่า “ชุมชนมีความน่ารักและรู้จักหาวัตถุดิบรอบตัวมาทำเป็นจุดขาย ทั้งธรรมชาติ อาหาร ผู้คน ทุกอย่างมันน่ารักไปหมด อยากเชิญชวนทุกคนออกมาท่องเที่ยวชุมชน แล้วท่านจะหลงรัก และประทับใจอย่างผมครับ”



แคมเปญ “ชนบทที่รัก” ได้รับการสนับสนุนจากแพลตฟอร์มออนไลน์กลุ่มซิลเวอร์เอจต่าง ๆ ในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ อาทิ เว็บไซต์ Forever-young.asia เพจ Count Up.life เพจ Silver Journey รุ่นใหญ่หัวใจกระเตาะ เพจ Giant Gogo  เว็บไซต์ Journey D เพจ Wongnai.travel เพจ Gler รวมถึงบริษัททัวร์ กลุ่มซิลเวอร์เอจ และสายการบินชั้นนำ อาทิ สายการบินไทยสมายล์ สายการบินไทย แอร์เอเชีย สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส บริษัท อาเดลี จำกัด บริษัท อูดาชี จำกัด บริษัท ฟายด์ โฟล์ค จำกัด บริษัท ฟรายเดย์ ทริป จำกัด บริษัท ทัวร์ มติชนอคาเดมี่ จำกัด บริษัท บางกอกแอร์ทัวร์ (1988) จำกัด และบริษัท บางกอก แทรเวล คลับ จำกัด ร่วมเป็นพันธมิตรในการโปรโมตขายโปรแกรมท่องเที่ยวชุมชน ทั้ง 16 แห่ง เชิญชวนกลุ่มนักท่องเที่ยววัยซิลเวอร์เอจให้ออกเดินทางไปท่องเที่ยวชุมชน

 

ขอเชิญนักเดินทางกลุ่มซิลเวอร์เอจออกเดินทางไปเที่ยวหมู่บ้านเล็ก ๆ ใน “ชนบท” ด้วยกัน ไปลองใช้ชีวิตแบบบ้าน ๆ เรียบง่าย สุข สงบ ไปดูชาวบ้านทำสวน ทำไร่ ทำนา ทอผ้า ไปนั่งชิล จิบกาแฟชมวิวท้องนา ตกเย็นล้อมวงกินข้าวเมนูบ้านทุ่งกับก๊วนเพื่อนรู้ใจ แล้วคุณจะหลงรักชีวิตในชนบทจนไม่อยากกลับมาเป็นคนเมือง